ผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ ตราช้าง ทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ที่ อ.หนองแค สระบุรี เพื่อผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม มั่นใจตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง

23 Mar 2011

กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--พี อาร์ โซลูชั่น

บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ จากไฟเบอร์ซีเมนต์ รายแรกที่ไม่ใช้ใยหิน ครบทุกผลิตภัณฑ์ เผยทุ่มงบเพิ่มอีก 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค สระบุรี เพิ่มกำลังการผลิตบอร์ดและไม้สังเคราะห์เป็น 90 ล้าน ตร.ม.ต่อปีหลังจากลงทุนไปแล้ว 1,300 ล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากการที่ผู้บริโภคให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและวัสดุที่ใช้ทดแทนไม้ธรรมชาติมากขึ้น มั่นใจยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง โดยผลประกอบการของบริษัทในปี 2553 นี้ มีรายได้กว่า 7,800 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 % จากปีที่ผ่านมา รักษาตำแหน่งผู้นำธุรกิจไฟเบอร์ซีเมนต์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยทิศทางในปี 2554 ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเชิงนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม สอดรับกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ด้วยงบประมาณทางการตลาดอีกกว่า 200 ล้านบาท เพื่อกิจกรรมการตลาดและสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2554 นี้ ตลาดจะเติบโต 8 -10%

นายพันเทพ สุภาไชยกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท กระเบื้องกระดาษไทย ในธุรกิจเอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Building Materials) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์หลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ รายแรกที่ไม่ใช้ใยหิน ครบทุกผลิตภัณฑ์ เผยในงานแถลงข่าว “บกด.ทุ่มอีก 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงาน ใหม่ที่อ.หนองแค สระบุรี เพื่อผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อม” ว่า “อาจกล่าวได้ว่า เนื่องมาจากความต้องการของผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ในปัจจุบัน มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราพร้อมลงทุนเพิ่ม อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้ซื้อที่ดินที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อสร้างโรงงานใหม่ คาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าได้ในไตรมาสแรกของปี 2556 และทำให้มีกำลังการผลิตรวมสินค้าบอร์ดและไม้สังเคราะห์เพิ่มขึ้นเป็น 90 ล้าน ตร.ม.ต่อปี ในส่วนของผลประกอบการนั้น ในปีนี้เราก็ทำได้ดี คือ ประมาณ 7,800 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 10% นับเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ และแนวทางการดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน โดยผลิตภัณฑ์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุด คือ ผลิตภัณฑ์กลุ่มหลังคา ตราช้าง รุ่นลอนคู่ สีใหม่ กลุ่มสีประกายมุก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั่วประเทศ เพราะสีสวยเด่นทนนาน และปลอดใยหิน ทั้งยังหนาถึง 5.5 มม. โดยปี 2554 นี้วางตลาดสีใหม่เพิ่มอีก 2 สี คือ สีม่วงประกายมุกและสีส้มประกายมุก

ในส่วนของตลาดโดยรวม คาดว่าจะเติบโตเพิ่มจากปีที่ผ่านมาราว 8-10% โดยในส่วนของเป้าหมายการขาย ในปี 2554 นี้ นายพันเทพ วางไว้ว่ามีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับของปี 2553 โดยในส่วนของแผนงานนั้น บริษัทฯ ยังคงยึดแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายของ SCG Building Materials เป็นหลัก นั่นคือ เน้นการพัฒนานวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นฐานจากความเข้าใจในตัวผู้บริโภคเป็นหลัก เพื่อนำมาสู่การพัฒนาทั้งเรื่องคุณภาพของสินค้าและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับมากขึ้น ทั้งในด้านความแข็งแรง ทนทาน ความรวดเร็วในการติดตั้ง ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย รวมทั้งการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย

ในส่วนของตลาดต่างประเทศนั้น ยังคงเน้นตลาดในแถบ ASEAN เพื่อตอบรับนโยบายของ SCG ที่ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจอย่างยั่งยืนในอาเซียนภายในปี 2558 ซึ่งที่ปีที่ผ่านมา การขยายตัวของผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 กลุ่มสินค้า ไม่ว่าเป็นหลังคา, บอร์ด ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด และไม้สังเคราะห์ ตราช้าง สมาร์ทวูด มียอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30%

และปีนี้ บริษัทฯ ได้เตรียมงบประมาณด้านการตลาดในประเทศและต่างประเทศโดยรวม ไว้ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดด้วยกิจกรรมทางการตลาดต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งกิจกรรม Above the line และ Below the line

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดรวมจะมีการเติบโตสูง และอาจมีการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดวัสดุก่อสร้าง ตนมองว่าการพัฒนาคุณสมบัติสินค้า และการให้บริการ จะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจของผู้บริโภคมากกว่าด้านราคา โดยในปีนี้ บริษัทฯยังคงพัฒนาระแบบและผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกสู่ตลาด ดังจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางตลาดในช่วงครึ่งปีแรก คือ

1. ระบบผนัง Cast Wall ตราช้าง สมาร์ทบอร์ด ระบบผนังหล่อ สำหรับกั้นห้องภายใน ช่วยแก้ปัญหาของระบบผนังเบาและผนังก่ออิฐแบบเดิม เพราะติดตั้งได้เร็วกว่าผนังก่ออิฐถึง 3 เท่า น้ำหนักเบากว่า ทนไฟได้ดีกว่า และแข็งแรงทนทาน ขณะที่ช่วยแก้ปัญหาเสียงกลวงเมื่อเคาะผนัง (Hollow Sound) ในระบบผนังเบา

2.ไม้ฝา ตราช้าง สมาร์ทวูด รุ่นโคโลเนียล สีมะค่า และสีสักทอง ไม้สังเคราะห์รุ่นเซาะร่อง กลึงขอบมน จับกลุ่มคนรักงานไม้ที่ต้องการความประณีต และพิถีพิถันเป็นพิเศษ

3. หลังคา ตราช้าง ไอยร่า รุ่นทิมเบอร์ ไม้แป้นเกล็ด เหมาะสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติ โดยใช้เทคโนโลยีการเคลือบสี Z-TRON Shield ที่มีเนื้อสีทั้งแบบมันและด้าน บนหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์แบบเรียบได้เป็นรายแรกของโลก ช่วยให้อายุการใช้งานของสียาวนานกว่าสีไฟเบอร์ซีเมนต์ทั่วไปกว่าเท่าตัว และชะล้างสิ่งสกปรกออกได้ง่าย (Easy Clean Roof)” นายพันเทพ กล่าว และสรุปเพิ่มเติมว่า

นอกจากนี้แล้วบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับ Green Market โดยเฉพาะ เพื่อรองรับเรื่อง LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ที่เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับอาคารประหยัดพลังงาน ซึ่งคาดว่าน่าจะกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาเอาใจใส่ในสุขภาพของตัวเอง สิ่งแวดล้อม และการอยู่อาศัยเป็นสำคัญ ซึ่ง SCG เอง ก็ใส่ใจในเรื่องนี้มาโดยตลอดเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากการที่มี SCG Eco Value เพื่อกำหนดคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดขึ้นมา และตราช้างเอง ยังเป็นหลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์รายแรกและรายเดียวที่ได้รับการรับรองฉลากเขียว (Green Label) ในประเทศไทย และยังเป็นรายแรกที่ทุกผลิตภัณฑ์ทั้งหลังคา บอร์ด และไม้สังเคราะห์ ไฟเบอร์ซีเมนต์ “ไม่มีส่วนผสมของใยหิน” (Asbestos) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 แล้ว ซึ่งมั่นใจว่าความตั้งใจของเราจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดีเหมือนเช่นที่ผ่านมา

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท พี อาร์ โซลูชั่น จำกัด : โทรศัพท์ 0-2656-8059 www.prsolution.co.th

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net