บอร์ดบีโอไอคุมกิจการกระทบสิ่งแวดล้อม กำหนดเงื่อนไข-เพิ่มสิทธิประโยชน์ดูแลมลพิษ 6 ตำบล จ.ระยอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--บีโอไอ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้ บีโอไอเอาจริงดูแลผู้ประกอบการดูแลการปล่อยก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และสารอินทรีย์ระเหยง่าย ในพื้นที่ 6 ตำบล จังหวัดระยอง หวังควบคุมดูแลสิ่งแวดล้อม ยันต้องผ่านข้อกำหนดของทุกหน่วยงานก่อนออกบัตรส่งเสริม พร้อมขยายเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี แก่กิจการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติม ด้าน บีโอไอ เตรียมร่วมมือกับสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างไปลงทุนต่างประเทศ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เสนอทบทวนนโยบายและมาตรการการส่งเสริมการลงทุนสำหรับอุตสาหกรรม/กิจการประเภทต่างๆ ในพื้นที่มาบตาพุดในการควบคุมมลพิษ ครอบคลุมทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรม/กิจการใหม่ หรืออุตสาหกรรม/กิจกรรมเดิมที่ใช้เทคโนโลยีในการลดมลพิษอยู่แล้วในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการลงทุนสำหรับการดูแลสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บีโอไอ กำหนดให้มีเงื่อนไขในการดูแลควบคุมมลพิษของโครงการใหม่และโครงการขยายกิจการให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะมีพื้นที่เป้าหมายที่ต้องควบคุมปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย เขตตำบลมาบตาพุด ตำบลห้วยโป่ง ตำบลเนินพระ และตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง และ ตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง รวมทั้งพื้นที่ทะเลภายในแนวเขต และเขตอุตสาหกรรมของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) โดยพื้นที่ต่างๆ ดังกล่าว ต้องมีการบริหารจัดการดูแลการปรับลดอัตราการระบายของสารหลัก ๆ 3 ชนิด ได้แก่ ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) และกรณีที่เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดสารดังกล่าว จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการออกบัตรส่งเสริม ประกอบด้วย รายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (Environmental Safety Assessment : ESA) /รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) / และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนด้านสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) แล้วแต่กรณี จากเดิมกำหนดให้จะต้องได้รับความเห็นชอบภายใน 1 ปี นับแต่วันออกบัตรส่งเสริม นายชัยวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ ในส่วนของกิจการเดิมที่มีการลงทุนปรับเปลี่ยน เครื่องจักรเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งนโยบายส่งเสริมเดิมกำหนดให้ได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมในส่วนของการ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 3 ปี สัดส่วนร้อยละ 70 ของเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนด้วย ก็ให้ปรับเพิ่มเป็น ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี สัดส่วนร้อยละ 100 ของเงินลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้มีการลงทุนด้านนี้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังอนุญาตให้โครงการที่ได้อนุมัติไปแล้วตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังไม่สิ้นสุดการได้รับสิทธิประโยชน์ ให้สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมได้ “ในพื้นที่มาบตาพุดมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 10 ปี มีจำนวนโครงการลงทุนแล้วถึง 634 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา แม้หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะบีโอไอ จะมีนโยบายให้โครงการที่ดำเนินการอยู่ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จนสามารถลดอัตราการระบายของสารบางประเภท เช่น ก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจน และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ได้เป็นอย่างดี แต่ยังพบว่าสารอินทรีย์ระเหยง่าย ที่ในบางช่วงยังพบว่าในพื้นที่มาบตาพุดและบริเวณใกล้เคียงมีค่าสูงกว่ามาตรฐานกำหนด ดังนั้นมาตรการของบีโอไอ จะเป็นหนึ่งในแนวทางที่จะนำมาช่วยดูแลให้การลงทุนให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” นายชัยวุฒิ กล่าว หนุนอุตสาหกรรมก่อสร้างไปลงทุนในต่างประเทศ นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ยังเห็นชอบนโยบายส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยมอบให้บีโอไอ และสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย เร่งศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับการลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้างในแต่ละประเทศครอบคลุมทั้งในด้านการตลาด กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และแนวทางดำเนินธุรกิจ เป็นต้น

ข่าวอุตสาหกรรมก่อสร้าง+กระทรวงอุตสาหกรรมวันนี้

NL ร่วมขับเคลื่อนอนาคตวงการก่อสร้างไทย มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ในงานเสวนา Thai Builders Forum ยกระดับมาตรฐาน สร้างโอกาสใหม่ในงานก่อสร้างไทย

บริษัท เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ NL ตอกย้ำวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ด้วยการเข้าร่วมงานเสวนา Thai Builders Forum "ยกระดับมาตรฐาน สร้างโอกาสใหม่ในงานก่อสร้างไทย" ซึ่งจัดโดยโครงการสร้างเสริมผลลัพธ์ที่ดีทางสังคม (BSI) ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, บริษัท แอสเซท ไวส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิลค์ วัน กรุ๊ป จำกัด เพื่อยกระดับการจัดการห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยมาตรฐานทางสังคม ผ่านการจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และแลกเปลี่ยน

นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช (กลาง) ประธานเจ้าหน... MENA ส่งซิก Q3/68 โตแรง ธุรกิจโลจิสติกส์-ก่อสร้าง-TDM หนุน ดันรายได้ปีนี้ All Time High — นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยนา...