ทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย “ คุณค่าความเป็นไทย ” โครงการ Orient Thai, Thai @ Heart

12 Apr 2011

กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--สายการบินโอเรียนท์ไทย

ด้วยปรัชญาและความมุ่งมั่นภายใต้แนวคิด ‘จริงใจ เพื่อคนไทย’ สายการบินโอเรียนท์ไทย จัดโครงการประกวดทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย ‘Orient Thai, Thai @ Heart’ โดยนำเอาพื้นฐานและวิถีของความเป็น ‘ไทย’ เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีโอกาสและสัมผัสถึงแก่นแท้ของความเป็นไทย และพร้อมที่จะร่วมถ่ายทอดและสะท้อนมุมมองและคุณค่าของความเป็นไทยอย่างแท้จริง

มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จำกัด กล่าวว่า วัตถุประสงค์และความตั้งใจในการดำเนินโครงการฯ ในปีนี้ ทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย เป็นหนึ่งกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคม We Share ที่เราทำมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 4 ปีแล้ว “ปีนี้เราเน้น ‘คุณค่าความเป็นไทย’ ซึ่งทุกคนที่ต้องเดินทาง ไม่ว่าจะด้วยวัตถุประสงค์ใด เราเชื่อว่าการเดินทางในแต่ละครั้ง ย่อมให้ทั้งมุมมองและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับตัวเรา ขึ้นอยู่กับว่า เราจะใช้โอกาสในการเดินทางนั้น ให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มพูนคุณค่าดีๆ ให้กับตัวเราอย่างไร ซึ่งต่างคน ต่างมุมมอง ต่างที่ ต่างสถานการณ์ ดังนั้นสิ่งใหม่ ที่อยู่รอบตัวเรามันเปลี่ยนไปเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับและเรียนรู้ได้มากน้อยแค่ไหน ด้วยเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ มีความอุดมสมบูรณ์ มีคุณค่า เราอยากให้เยาวชนไทยคิดในมุมนี้ แล้วเปลี่ยนพฤติกรรมเข้ามารับสิ่งใหม่ๆ เริ่มเรียนรู้ มอง และตอบรับกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ในทุกๆ วัน …สำหรับ ‘ทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย’ ในครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ให้โอกาสเยาวชนไทยได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ มองสิ่งที่ใกล้ตัว เริ่มจากท้องถิ่นที่เราอาศัยอยู่ จากภาคเหนือสู่ภาคใต้ ความแตกต่างทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงประวัติศาสตร์ในแต่ละที่ ย่อมมีไว้ให้ทุกรุ่นได้เรียนรู้ แล้ววันนี้ได้มาร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนสิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งให้ทั้งความสนุก ทั้งเป็นการเพิ่มคุณค่าและประโยชน์ให้กับตัวเราเองอีกด้วย” และหลังจากที่ได้คัดเลือกนิสิตนักศึกษา อายุระหว่าง 18-23 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปี 1-3 ทั่วประเทศ โดยแต่ละคนได้ส่งบทความและนำเสนอผ่านคลิปวิดีโอแล้ว ทางคณะกรรมการโครงการฯ ได้คัดเลือกตามกฎเกณฑ์ต่างๆ ทั้งให้ความสำคัญถึงการดำเนินชีวิตบนเศรษฐกิจพอเพียง นิยมไทย กินของไทย ใช้ของไทย และรักเมืองไทย จนเหลือ 40 คน ซึ่งเป็นตัวแทนภาคต่างๆ ทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง (รวมภาคตะวันออกและตะวันตก) เพื่อมาเข้ากิจกรรมเข้ารอบชิงชนะเลิศในวันนี้ ณ ราชนาวีสโมสร กองทัพเรือ โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ ภาคเช้า จะเป็นกิจกรรมเวิร์คช็อป เพื่อเติมเต็มความรู้ เปิดมุมมองใหม่ๆให้กับตนเอง ทั้งการเสริมสร้างศักยภาพบุคลิกที่ดี กับการอบรม ‘การเสริมสร้างพลังบุคลิกเพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ’ โดย ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา หัวหน้าโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและ พัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร พร้อม อาจารย์ พะเยาว์ พัฒนพงศ์ มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับ ‘การแสดงออกถึงวัฒนธรรมไทยอย่างถูกต้องและเหมาะสม’ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีในความเป็นไทย รักเมืองไทย ทั้งการใช้ภาษา การสื่อสาร มารยาทไทย ทั้งการเดิน การเคารพผู้ใหญ่ ทั้งการเสริมสร้างเสน่ห์ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย สำหรับกิจกรรม ภาคบ่าย โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มคือ สีฟ้า-ภาคเหนือ, สีชมพู-ภาคใต้, สีเขียว-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสีส้ม-ภาคกลาง ซึ่งแต่ละกลุ่มจะต้องปฏิบัติภารกิจดังนี้ ภารกิจคำขวัญอยู่หนใด ที่ตลาดท่าช้าง และตลาดท่าพระจันทร์ เพื่อให้ได้รับรู้ในเรื่องของดีประจำจังหวัด และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดต่างๆ ของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย / ภารกิจฝรั่งร้องช้าง ที่วัดพระแก้ว และศาลหลักเมือง เพื่อให้น้องๆ สามารถสื่อสารโดยใช้ทักษะการฟังและการพูด ภาษาต่างประเทศได้ จึงให้น้องๆ แยกย้ายกันออกไปหาชาวต่างชาติ พร้อมสื่อสารและเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรม โดยจะต้องช่วยกันสอนชาวต่างชาติให้ร้องเพลง ‘ช้าง’ ซึ่งช้าง ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทย / ภารกิจสยามเมืองยิ้ม ที่ตลาดท่าเตียน และวัดโพธิ์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่า ‘สยามเมืองยิ้ม’ จึงให้ผู้นองๆ แยกย้ายออกไปถ่ายรูปคนไทย ‘ยิ้ม’ จำนวน 20 คน โดยให้มีฉากหลังเป็นโบราณสถานต่างๆ ในประเทศไทย กิจกรรมช่วงบ่าย น้องๆ สนุกสนาน และต่างทำภารกิจกันอย่างเต็มที่ มีความสามัคคีและการทำงานเป็นทีมกันอย่างดี มาถึงภารกิจสุดท้าย การทดสอบทักษะและปฏิภาณไหวพริบ ที่แต่ละคนจะต้องแสดงความสามารถและศักยภาพของตนเองออกมาให้มากที่สุด ซึ่งงานนี้น้องๆ ได้แสดงศักยภาพไม่แพ้กัน ทั้งการนำเสนอการโน้มน้าวใจ ปฏิภาณไหวพริบ การโต้ตอบ การแก้ปัญหา และความคิดสร้างสรรค์ ที่น้องๆ ต่างแสดงออกมาเก่งๆ กันทั้งนั้น นับว่าเยาวชนไทยรุ่นใหม่ไม่ได้แพ้ชาติใดเลย คณะกรรมการทั้ง 5 ท่าน ได้แก่ ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา, อาจารย์ พะเยาว์ พัฒนพงศ์, จุฑาทิพย์ โคตรประทุม ผู้อำนวยการกลุ่มประชาสัมพันธ์ กระทรวงวัฒนธรรม, บอย-พิษณุ นิ่มสกุล นักแสดงชื่อดัง และ มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย ผู้บริหารสายการบินโอเรียนท์ไทย ใส่คะแนนกันแทบไม่ทัน แต่ในที่สุดก็ได้ผู้มีความสามารถที่โดดเด่นจริงๆ แม้แต่กองเชียร์ข้างๆ เวทียังต้องแอบเชียร์น้องๆ ว่าเก่ง ฉลาด และมีความสามารถจริงๆ- - มาถึงนาทีระทึกใจ ผู้ชนะเลิศตัวแทนทั้ง 4 ภาค ได้แก่ ภาคกลาง คือ ธนวรรณ เถาว์มูล จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ / ภาคใต้ คือ อนัส สันโต๊ะโส้บ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) / ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ นิตสรา งาเกาะ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และภาคเหนือ คือ น้ำภูฟ้า เพชรแก้ว จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยทั้ง 4 คนจะได้รับเงินรางวัลคนละ 30,000 บาท พร้อมบัตรโดยสารเครื่องบินสายการบินโอเรียนท์ไทย บินฟรีภายในประเทศตลอดปี และทุกคนต้องพร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจ ‘ทูตวัฒวัฒนธรรม หัวใจไทย’ทันที ฝ้าย-ธนวรรณ เถาว์มูล วัย 21 ปี ชั้นปี 3 คณะวารสารและสื่อสารมวลชน สาขาวิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ต้องขอปรบมือให้อีกครั้งกับสาวมากความสามารถ ที่พกพาความมั่นมาเต็มเปี่ยม และนำเสนอบทเพลงลูกทุ่งชนิดที่นักร้องอาชีพต้องชิดซ้าย ทั้งไหวพริบและการแสดงออกที่มาดมั่น จนชนะใจคณะกรรมการและกองเชียร์มากมาย- -ฝ้ายหัวใจที่เปี่ยมด้วยเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรม จึงทำให้เธอเดินทางมาถึงฝันในวันนี้ “ตอนที่มาสมัครก็ไม่ได้ตั้งใจ คือวันนั้นพี่ๆ มาตั้งบู้ธรับสมัครที่มหาวิทยาลัยฯ ตอนนั้นไปซื้ออาหารและกำลังจะกลับเข้าหอพัก พอดีได้ยินเสียงคำว่า ‘ทูตวัฒนธรรม’ จึงเดินมาดู ก็เลยสมัคร เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้วค่ะ ...ตอนเด็กๆ เคยได้เป็นทูตวัฒนธรรมของห้างพาต้า แล้วพออยู่ม.6 ได้เป็นทูตกทม. ไปโชว์ขับร้องเพลงลูกทุ่งที่ต่างประเทศมาแล้ว และพอวันนี้ได้เป็น ‘ทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย’ รู้สึกดีใจมาก และต้องขอขอบคุณสายการบินโอเรียนท์ไทย ที่ให้โอกาสค่ะ และพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด คืออยากจะเชิญชวนเยาวชนทุกคนให้หันมาเห็นคุณค่าของความเป็นไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอยู่แบบไทย ที่ของไทยมีสิ่งดีๆ มากมายไม่แพ้ชาติอื่นๆ เลยค่ะ . ..และอยากจะบอกว่า กิจกรรมที่ได้ทำในวันนี้ มีคุณค่ามาก ได้เห็นทั้งความรักความสามัคคีและความมีน้ำใจของเพื่อนๆ และยังสามารถนำสิ่งที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือในการทำงานได้ค่ะ” อนัส สันโต๊ะโส้บ วัย 20 ปี ชั้นปี 2 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) หนุ่มหนึ่งเดียวที่ผ่านเข้ารอบชนะเลิศด้วยคะแนนท่วมท้น ด้วยความเป็นคนที่กล้าคิดกล้าทำและแสดงออกอย่างมั่นใจ ทั้งเคยไปเผยแพร่ถึงความเป็นไทยในสหรัฐอเมริกามาแล้ว แต่สิ่งที่เขาภาคภูมิใจมากในวันนี้คือ “โครงการนี้ทำให้ผมกับพ่อได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะผมไม่ได้พูดคุยกับคุณพ่อมาเป็นเวลานานแล้ว คือผมเป็นคนทำกิจกรรมมากจนทางบ้านไม่เห็นด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วพอวันที่ผมมาสมัครเข้าโครงการนี้ และผมก็เข้ารอบทางนี้ก็ส่งแฟ็กซ์ไปที่บ้านที่ภูเก็ต คุณพ่อเป็นคนรับ ท่านอ่านให้ผมฟัง แล้วเราก็ได้คุยกัน คุณพ่อบอกว่า ‘อยากให้ผมเรียนรู้และมีความเข้มแข็ง’ ผมรู้สึกประทับใจท่านมาก และผมก็ต้องขอขอบคุณสายการบินโอเรียนท์ไทยมากๆ ครับ ...ผมรู้สึกมีความสุข และคุ้มค่ากับสิ่งที่ผมได้ทำไป โครงการนี้เห็นชัดเลยว่ามีคุณค่าจริงๆ ความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวได้เริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมจะทำให้ที่สุด และผมมีความเชื่อว่า การที่เราได้เป็นตัวแทนตรงนี้ เราจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้คนรอบข้างหรือคนคนรุ่นใหม่เกิดความเชื่อมั่นในตัวเรา และทำในสิ่งที่ดี” นิว-นิตสรา งาเกาะ วัย 21 ชั้นปี 3 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ หลักสูตรนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เธอเล่าว่า เธอเกิดและเติบโตมาจากสายเลือดความเป็นไทยแท้ๆ ทั้งพ่อแม่ วัฒนธรรมท้องถิ่น และความเป็นอยู่ ทำให้ได้ซึมซับมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ “คุ้นเคยในเรื่องของความเป็นไทยมาโดยตลอด แม้ตอนนี้มีกระแสเกาหลี หรือวัฒนธรรมฝรั่งเข้ามากมาย ก็ไม่ได้สนใจ เพราะไม่ชอบจริงๆ ของไทยมีอะไรดีๆ ตั้งเยอะแยะ ทั้งความละเอียดอ่อน ความละเมียดละไมของวัฒนธรรมไม่มีชาติอื่นดี และเหมือนแน่นอน อย่างเช่น การทำอาหารการกิน วัตถุดิบธรรมชาติของไทยก็มีมาก จะห่อด้วยธรรมชาติจากใบตองก็เป็นเอกลักษณ์ของไทยเรา ...รู้สึกดีใจ และแปลกใจที่ได้ครั้งนี้ เพราะทุกคนทุกภาคมีความเก่งและมีความสามารถกันทั้งนั้นเลย แต่เมื่อเราได้ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และพร้อมที่จะร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งในการเผยแพร่ความเป็นไทย และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในประเทศไทย ซึ่งมีดีมากมาย ทั้งความสวยงามและธรรมชาติที่งดงาม จึงอยากจะเชิญชวนให้คนไทยหันมาเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น นอกจากนี้ ก็อยากจะรณรงค์ให้เยาวชนไทยหันมานิยมไทยกันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งเราก็ต้องประชาสัมพันธ์สัมพันธ์เผยแพร่บอกกล่าวไปเรื่อยๆ ทั้งกับเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างก็ตาม”

และคอยติดตามกับกิจกรรมของผู้ชนะเลิศทั้ง 4 คน ในฐานะ ‘ทูตวัฒนธรรม’ ของสายการบินโอเรียนท์ไทยเข้าร่วมแคมเปญ ‘เที่ยวให้รู้’ ด้วยการเดินทางเพื่อค้นหาเรื่องราวและคุณค่าของความเป็นไทยแท้ ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มุมมอง สถานที่ คน วัตถุ ประเพณี วัฒนธรรม และ/หรือตำนานต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ข้าง “เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเปิดใจรับและเรียนรู้ คุณค่าก็เกิดขึ้นมาได้ อยู่ที่ว่าเราจะให้คุณค่านั้นๆ เป็นตำนาน หรือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราพัฒนาและเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพได้นั่นเอง” มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย กล่าวปิดท้าย

เผยแพร่ข่าวในนาม : สายการบินโอเรียนท์ไทย โทร. 02 229 4260 # 341, 344

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net