สาวออฟฟิศที่ชอบกินจุบจิบ เสี่ยงเบาหวาน!!

15 Oct 2011

กรุงเทพฯ--15 ต.ค.--รพ.กล้วยน้ำไท

สาวออฟฟิศที่ชอบกินจุบจิบ เสี่ยงเบาหวาน!!โดย คุณศุภลักษณ์ ทองนุ่น นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ( แผนกผู้สูงอายุ ) ขนมเค้ก คุ้กกี้ ขนมปัง ขนมถุง มันฝรั่งทอดกรอบ ฯลฯ ที่สาวๆ ออฟฟิศส่วนใหญ่มีติดโต๊ะไว้แก้หิวเพราะตอนเช้าที่ต้องรีบตื่นแต่งตัวรีบเร่งไปทำงานให้ทัน…..แม้จะดื่มกาแฟแก้วเดียวก็แทบจะไม่มีเวลา แต่พอสายๆ ท้องก็เริ่มหิว เริ่มควานหาขนมที่วางไว้บนโต๊ะ หรือแซนด์วิชที่ร้านสะดวกซื้อมารองท้องงานออฟฟิศส่วนใหญ่เป็นงานที่ใช้เวลานั่งทำอยู่กับโต๊ะและหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งเครียดและยุ่งแทบไม่ค่อยมีเวลากินข้าว แต่ชอบกินจุบกินจิบแทน พอตกบ่ายก็เริ่มง่วงจนต้องหากาแฟอีกแก้วพร้อมกับขนมขบเคี้ยวที่ซื้อติดมือมาตอนกลางวัน สาวออฟฟิศส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยมีเวลาไปออกกำลังกาย น้ำหนักตัว จึงยิ่งเพิ่ม พฤติกรรมซ้ำๆ เหล่านี้ทำให้ สาวๆ ออฟฟิศ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โดยไม่รู้ตัว

“ เราไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา ” ตามหลักโภชนาการ กำหนดให้ผู้ที่มีสุขภาพปกติ บริโภคน้ำตาลได้ไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา แต่สาวออฟฟิศที่ห่วงสวยจะเลี่ยงมารับประทานผลไม้เป็นของว่าง และได้รับน้ำตาลมากถึงวันละ 25 ช้อนชา ส่วนกลุ่มที่ชอบกินขนมกรุบกรอบได้รับน้ำตาลวันละประมาณ 18 ช้อนชา

“ กินหวาน ” ไม่ได้ทำให้เป็นโรคเบาหวาน แต่เสี่ยง!! ต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคเบาหวานคือภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดมากเกินปกติ ซึ่งเกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพการทำงานของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน

ถ้าร่างกายได้รับปริมาณน้ำตาลและแป้งล้นเกินเป็นประจำ จะทำให้ตับอ่อนทำงานหนักจากการผลิตอินซูลิน ยิ่งคนที่มีปริมาณไขมันมากก็จะยิ่งทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี ทำให้มีน้ำตาลอยู่ในกระแสเลือดสูง และในที่สุดก็อาจจะกลายเป็นโรคเบาหวานได้ ส่วนจะเป็นโรคเบาหวานเร็วหรือช้านั้นขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของตับอ่อนของแต่ละคนในประเทศไทย จากการสำรวจสภาวะสุขอนามัยของประชาชน ปี 2552 พบว่าคนไทยเป็นเบาหวานประมาณร้อยละ 7 ของประชากรหรือมากกว่า 3 ล้านคน ที่สำคัญขณะนี้คนไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานเพิ่มเป็น 6-7 ล้านคน และองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าทั่วโลกมีผู้เป็นเบาหวานประมาณ 177 ล้านคน และคาดว่าปี 2025 จะพบผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก 300 ล้านคน

คุณศุภลักษณ์ ทองนุ่น นักโภชนาการ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ( แผนกผู้สูงอายุ ) กล่าวว่า “ ส่วนใหญ่สาวๆ ที่ทำงานออฟฟิศจะงดอาหารเช้า ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก่อนมาทำงาน พอนั่งทำงานไปสักพักจะรู้สึกหิวเพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองจึงสั่งการว่า “ หิว ” เราก็จะหาขนมมากิน จนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นแล้วสมองสั่งการให้หยุดกิน ซึ่งในความเป็นจริงสมองมักจะรับรู้ช้ากว่า เราจึงได้รับน้ำตาล และพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ และส่วนใหญ่ขนมหรือน้ำผลไม้ที่หยิบมากินรองท้องในระหว่างมื้อ ปริมาณการกินจะไม่มากแต่ให้แป้งและน้ำตาลสูง กว่าอาหารมื้อหลักและไม่ทำให้อยู่ท้องด้วย

อาหารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานคือกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหมายถึงแป้งและน้ำตาล เราจึงควรรับประทานกลุ่มแป้ง เช่น ข้าวไม่เกินวันละ 8 – 12 ทัพพี และน้ำตาลไม่เกินวันละ 6 ช้อนชา ซึ่งต้องคำนึงถึงแป้งและน้ำตาลที่แฝงในอาหารและเครื่องดื่มด้วย เพราะบางคนเลือกทานผลไม้แล้ว แต่เมื่อคำนวณปริมาณน้ำตาลโดยรวมออกมา อาจมีปริมาณมากกว่าการทานขนมเพราะในผลไม้หรือเครื่องจิ้มก็มีปริมาณน้ำตาลเช่นเดียวกัน ”

แล้วสาวๆ ออฟฟิศที่รีบเร่งไปทำงาน จะทานแป้ง และน้ำตาลมื้อไหนดี ? เพื่อไม่ให้เกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป สาวๆ ควรเลือกทานอาหารกลุ่มนี้ในมื้อเช้า และกลางวัน เพราะระหว่างวันเรามักจะมีกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะถูกเผาผลาญ แทนการสะสมในร่างกาย

สาวออฟฟิศจะลดเสี่ยงเบาหวานอย่างไร ?

1. ไม่ควรรับประทานน้ำตาลเกินวันละ 6 ช้อนชา และแป้ง ( ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง เค้ก ฯลฯ ) ไม่เกิน 8 – 12 ทัพพี

2. ควรจดบันทึกปริมาณพลังงานที่ได้รับ / วัน หรือนับการรับประทานอาหารกลุ่มแป้ง น้ำตาล และไขมัน เช่น มื้อกลางวันทานสัปปะรดไปแล้วมื้อเย็นก็ไม่ควรทานอาหารที่มีน้ำตาลแฝงอยู่ เช่น แกงเขียวหวาน ควรเลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีน้ำตาลแทน เช่น ปลาย่างทานกับผักสด

3. อย่าซื้อขนมหวานที่ชอบติดบ้าน เวลาเบื่อ หรือนั่งดูทีวี เรามักจะรับประทานขนมได้มากโดยไม่รู้ตัว ถ้าเบื่อควรเลือกทานผลไม้ที่ไม่หวานแทน เช่น ฝรั่ง, มันแกว ฯลฯ

4. รับประทานให้ช้าลง ร่างกายจะรับรู้ถึงสัญญาณความอิ่มหลังรับประทานอาหารประมาณ 15 – 20 นาที ถ้าเรารับประทานช้าลงเราก็จะรู้สึกอิ่มโดยที่ไม่ได้รับประทานเกินความต้องการของร่างกาย

5. เคี้ยวให้นานขึ้น ยิ่งเคี้ยวนานเราก็จะทานช้าลง และอิ่มเร็วขึ้น

6. ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้งเพื่อลดปริมาณไขมันในร่างกายเพื่อช่วยให้อินซูลินทำงานได้ตามปกติ

คุณศุภลักษณ์ กล่าวว่า “ โรคเบาหวาน เป็นโรคที่ใช้เวลาในการเกิดโรคนาน และเป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมในการกิน เป็นโรคเรื้อรัง ที่ต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือตลอดชีวิต ดังนั้นถ้าสาวๆ ที่มีพฤติกรรมชอบกินจุบคุณ จิบ กินตามใจปาก และมักจะระวังการบริโภคแป้งแต่ไม่ค่อยระวังเรื่องน้ำตาลโดยเฉพาะน้ำตาลแฝง จึงควรปรับพฤติกรรมการกินใหม่ ใส่ใจในการเลือกอาหารในแต่ละมื้อ ไม่ทำให้รูปร่างอ้วนและไม่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานด้วยค่ะ ”

รพ.กล้วยน้ำไท ( แผนกผู้สูงอายุ )

0-2399-4259-63

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net