สพล.กก.สร้างสรรค์หลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทยสู่ตลาดโลก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »
นายสมบัติ คุรุพันธ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสมพงษ์ ชาตะวิถี อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา ร่วมกันแถลงผลงานของสถาบันการพลศึกษา ครั้งที่ ๓ ตามนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ให้หน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกันแถลงผลงานทุกวันจันทร์ของแต่ละสัปดาห์ เพื่อจะเผยแพร่ให้ประชาชนทราบอย่างกว้างขวาง ณ ห้องประชุม ๑ ชั้น ๒ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ เมื่อวันพุธที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๕นายสมพงษ์ ชาตะวิถี อ.สพล.กก. เปิดเผยว่า จากการที่ตลาดมวยไทย ได้กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคทวีปเอเชีย ยุโรป และทวีปอเมริกา มีค่ายมวยไทยในรูปแบบต่างๆทั่วโลก ในขณะนี้มีจำนวนกว่า ๒๐,๐๐๐ ค่าย และพบว่า เด็กเยาวชนไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ ๗๐ เข้าสู่กิจกรรมหารายได้ผ่านมวยไทย แต่เด็กเยาวชนในเขตเมือง กลับติดอยู่กับคอมพิวเตอร์ในรูปแบบเกมส์มากกว่าการออกกำลังกาย ไม่ว่าเกมส์การต่อสู้ ในรูปแบบเกมส์มวยไทย ซึ่งสร้างภาพลักษณ์ ในลักษณะชื่นชอบความรุนแรง เด็กจะมีนิสัยก้าวร้าว หงุดหงิดง่าย และมีสุขภาพร่างกายที่ไม่เข้มแข็ง มีโอกาสเป็นโรคต่างๆได้ง่าย เพื่อจะให้เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ไม่จำกัดเพศชาย/หญิง ได้สร้างวินัย ห่างไกลยาเสพติด มีการสร้างงานทำ เกิดภูมิปัญญาไทย ช่วยเหลือครอบครัว และหันมาออกกำลังกาย/สืบทอดกีฬาที่เป็นมรดกของชาติ ดังนั้นทางสถาบันการพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้ร่วมกันสร้างสรรค์/จัดทำหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย ๙ ขั้น มีการเรียนศิลปะมวยไทยอย่างเป็นระบบ เป็นวิถีชีวิตไทย มีแนวคิดหลัก(Core Concept) 5 S. เป็นองค์ประกอบ คือ ๑)Smile-ยิ้มแย้มเบิกบาน ๒)Smart-สง่างาม ๓)Strength-แข็งแกร่ง ๔)Simple-เรียบง่าย ๕)Style(Thai)-แบบไทย โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นที่ ๑ - สายขาว จนถึงขั้นที่ ๙ - สายดำ และให้ผู้เรียนได้เห็นคุณค่าของศิลปะมวยไทย ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่อดีต (พ.ศ.๑๒๐๐) และได้ถ่ายทอด มาจนถึงปัจจุบัน(พ.ศ.๒๕๕๕) เป็นเวลาร่วม ๑,๓๕๕ ปี กลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทย ที่เป็นที่น่าสนใจของชาวต่างชาติทั่วทุกมุมโลก อีกทั้งศิลปะมวยไทยมีหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นมิติของการต่อสู้ป้องกันตัว หรือการสงคราม(ในอดีต) มิติทางด้านการออกกำลังกาย และมิติทางด้านการอนุรักษ์รักษา แต่ยังขาดรูปแบบหรือหลักสูตรที่มีมาตรฐานชัดเจน ทำให้แต่ละองค์กรมีการถ่ายทอดไม่เหมือนกัน นำมาซึ่งความสับสนแก่ผู้เรียน และเกิดความไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ด้วยเหตุผลดังกล่าว สถาบันการพลศึกษาจัดทำหลักสูตรมาตรฐานศิลปมวยไทยขึ้น โดยได้จัดทำ และสร้างสรรค์ ในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งเป็นครูมวยไทยของสถาบันการพลศึกษาทั้ง ๑๗ แห่ง พิจารณายกร่างหลักสูตรและเชิญผู้ทรงคุณวุฒิในวงการมวยไทย ทำการวิพากษ์หลักสูตรดังกล่าว ซึ่งหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทยนี้ จะนำไปใช้ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน ครอบคลุมทุกกลุ่มคน รวมทั้งชาวต่างชาติทั่วโลก สามารถเรียนตามระบบนี้ได้ เป็นการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ตามมาตรฐานสากล ถูกต้องตามระบบ และเป็นของไทยแท้จริง โดยระบบการเรียนตามหลักสูตรมาตรฐานศิลปมวยไทย ของสถาบันการพลศึกษาสู่ตลาดโลก เป็นการประกันคุณภาพการศึกษา การเรียน การสอนศิลปะมวยไทย จะเริ่มตั้งแต่ขั้นที่ ๑ สายขาว ขั้นที่ ๒ สายเหลือง ขั้นที่ ๓ สายเขียว ขั้นที่ ๔ สายฟ้า ขั้นที่ ๕ สายน้ำเงิน ขั้นที่ ๖ สายน้ำตาล ขั้นที่ ๗ สายส้ม ขั้นที่ ๘ สายแดง และขั้นที่ ๙ สายดำ ซึ่งในแต่ละขั้นและสาย จะมีการเรียนการสอน จำนวน ๓๖ ชั่วโมง และมีการสอบเพื่อเลื่อนขั้นและสายในแต่ละขั้น รวม ๙ ขั้น จะใช้เวลา ๓๒๔ ชั่วโมง โดยจะจัดการเรียนทุก ๓ เดือน ถ้าผู้เรียนเรียนและสอบผ่านทุกขั้นตอน จะใช้เวลาในภาพรวมต่อเนื่องประมาณ ๒ ปี ๓ เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้เรียนด้วย เมื่อเรียนและสอบผ่านในแต่ละขั้น จะมีใบประกาศนียบัตร ที่ออกโดยสถาบันการพลศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ด้านการศึกษากีฬา ที่น่าเชื่อถือที่สุดของประเทศไทย ให้ไว้เป็นหลักฐาน โดยมีโครงสร้างของหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย ๙ ขั้น ในแต่ละขั้นจะมีหัวข้อตามแผนการสอน ๗ หัวข้อหลัก คือ ๑. ทักษะการเคลื่อนเท้า ๒. การไหว้ครูมวยไทย ๓. ทักษะมวยไทย ๔. ทักษะมวยไทยการใช้มือเป็นอาวุธ (หมัด - ศอก) ๕. ทักษะมวยไทย การใช้เท้าเป็นอาวุธ (ถีบ เตะ เข่า) ๖. กระบวนท่ายุทธมวยไทยทักษะการต่อสู้ รุก-รับ ๓ จังหวะ และ ๗. การต่อสู้แบบอิสระ (อนันตยุทธ์ มวยไทย)อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา กล่าวปิดท้ายว่า จุดยืนของการสร้างหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทย ของสถาบันการพลศึกษาสู่ตลาดโลก คือ การพัฒนาภาพลักษณ์ที่มีความปลอดภัย การพัฒนาการออกกำลังกาย(ไม่เน้นนำไปเพื่อการต่อสู้) การพัฒนาสุขภาพร่างกาย/จิตใจ(Physical and Psychological) และการพัฒนา/อนุรักษ์ความเป็นศิลปะประจำชาติไทยที่มีมาตรฐานระดับโลก ตลอดจนร่วมเฉลิมฉลองพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ (๙ ขั้น) อันจะเป็นพลังสร้างความภูมิใจร่วมกับคนทั้งชาติไทยร่วมกันด้วย ซึ่งจะใช้ศิษย์ปัจจุบัน/เก่า ที่มีชื่อเสียงของสถาบันการพลศึกษา ในการเป็น ตัวชูโรง(Presenter)นำเสนอหลักสูตรมาตรฐานศิลปะมวยไทยของสถาบันการพลศึกษาสู่เวที/ตลาดโลก อาทิ จา พนม ศิษย์เก่าสพล.มหาสารคาม และหรือ นักศึกษาจากวิทยาเขตมหาสารคาม ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศประกวดนาฎมวยไทย เป็นต้น และจะทำการบรรจุการเรียนการสอนหลักสูตรมาตรฐานนำร่อง(Pilot Project) ในสถานศึกษาสังกัดสถาบันการพลศึกษาทั่วประเทศ และจะทำการเผยแพร่ผ่านหน่วยงานที่มีการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(Memorandum of Understanding-MOU.) รวมทั้งจัดทำศูนย์มวยไทย(Hub of Muay Thai)ร่วมกับหน่วยงานทั้งในประเทศและในต่างประเทศสู่ตลาดโลก โดยจะมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่องจำนวนกว่า ๓๐ ประเทศ/หน่วยงาน อาทิ Tameside College ประเทศสหราชอาณาจักร Institute of Sports ประเทศสาธารณรัฐคิวบา Shanghai University of Sport ประเทศจีน Bac Ninh Sport University ประเทศเวียดนาม เป็นต้น ตลอดจนสอดแทรก/ประสานความร่วมมือ กับค่ายมวยไทยทั้งในประเทศและทั่วโลก ในรูปแบบต่างๆ ให้สมกับคำกล่าวว่า“มวยไทย มรดกไทย มรดกโลก”(Muay Thai is a world heritage site) อีกทั้งจะสร้างสรรค์รายได้จากการท่องเที่ยวเชิงกีฬา(Sport Tourism)ให้แก่ประเทศชาติจำนวนมหาศาลด้วย กส

ข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา+กระทรวงการท่องเที่ยววันนี้

ททท. เปิดม่านงาน "Amazing Thailand Saneh Thai Gala Night" เชิญแขกคนสำคัญร่วมประกาศ ความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวปีท่องเที่ยวไทย โชว์พลัง Soft Power ย้ำศักยภาพสู่จุดหมายระดับโลก

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานงาน "Amazing Thailand Saneh Thai Gala Night" ณ ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งจัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้คอนเซปต์ "Myth of Siam A Gala of Timeless Wonder" ต้อนรับแขกคนสำคัญของประเทศไทยจากโครงการ Be My Guest พันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผู้เชี่ยวชาญด้าน Soft Power เซเลบริตี้ และ Influencers ทั้งไทยและเทศ ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสยามและ

สปา เซ็นวารี โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทร... สปา เซ็นวารี เซ็นทารา แกรนด์ ลาดพร้าว กรุงเทพฯ คว้ารางวัลมาตรฐานการบริการสปาอาเซียน ประจำปี 2568 — สปา เซ็นวารี โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้...