รมว.สาธารณสุข ยัน!! ขณะนี้ยังไม่มีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ยังคุมสถานการณ์ของโรคได้อยู่

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--2 ก.ค.--กรมควบคุมโรค

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุกล่าวยืนยันถึงกรณีมีกระแสข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ขึ้นในบางพื้นที่ของประเทศไทยว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่แต่อย่างใด ถึงแม้ในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะพบผู้ป่วยมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ 42 ราย ที่โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา และตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์H1N1 ที่ไม่ร้ายแรง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าควบคุมสถานการณ์ของโรคไว้ได้แล้ว จึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวดังกล่าว ขณะนี้รายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ยังอยู่ในสถานการณ์ปกติ คือมีการตรวจพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพียง 3-4 รายจากผู้ที่มาตรวจรักษาทั้งหมด100 คน แต่ถ้าเมื่อไรตรวจพบว่ามีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เกิน 10 คน จากทั้งหมด 100 คน แสดงว่าน่าจะมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆแล้ว ทั้งนี้รายงานสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ จากสำนักระบาดวิทยากรมควบคุมโรคระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -18 มิถุนายน 2555 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่หรือสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศรวม 13,284 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 20.91 ต่อแสนประชากร ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด เรียงตามลำดับ คือ 25-34 ปี (11.53 %) 15-24 ปี (10.24 %) 35-44 ปี (9.73%) จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรกคือ ลำปาง 135.25 ต่อแสนประชากร สงขลา (100.08) ภูเก็ต (83.06) อุตรดิตถ์ (62.64) พังงา(55.23) เมื่อเทียบจำนวนผู้ป่วยระหว่างปี 2555 กับปี 2554 ในช่วงเวลาเดียวกัน(ระหว่าง 1 มกราคม – 11 มิถุนายน 2554) ซึ่งมีจำนวน 12,037 ราย พบว่ายอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 1,247 ราย หรือประมาณร้อยละ 10.36 รมว.สาธารสุข กล่าวต่อว่าในช่วงฤดูฝนถือเป็นช่วงการระบาดของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอยู่แล้ว แม้กรมควบคุมโรคจะได้รับรายงานพบผู้ป่วยเข้ามาเป็นระยะๆ แต่คาดการณ์ว่าสถานการณ์การระบาดปีนี้ไม่น่าจะรุนแรง จะมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 1 - 4 ล้านคน และมีอาการรุนแรงที่ต้องเข้ารับการรักษาประมาณ 5 - 6 หมื่นคน ซึ่งปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A/2009 H1N1 กลายเป็นหนึ่งในเชื้อไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ไม่ได้ทำให้เกิดอาการรุนแรงมากเหมือนในปีแรกๆ แต่อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนทุกคน ตระหนักถึงการป้องกันตัวเอง เพื่อไม่ให้เป็นหวัดหรือติดหวัด โดยการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ได้แก่ กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ การล้างมือบ่อย ๆจะช่วยป้องกันการนำเชื้อโรคมาสู่เราเองจากการสัมผัสเชื้อแล้วเข้าสู่จมูก ตา ปาก และเมื่อไอ จาม ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชูปิดปาก ปิดจมูก และถ้าป่วยเป็นไข้หวัดแล้ว คือมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ถ้าพักผ่อนแล้ว 48 ชั่วโมงอาการไม่ดีขึ้น ให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือแพทย์เพื่อให้การดูแลรักษาต่อไป แต่ในกรณีกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ถ้าป่วยให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที และต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ไปอยู่ในที่ชุมชน แต่ที่ดีที่สุดคือป่วยแล้วควรอยู่บ้านพัก ไม่ไปทำงาน ไม่ไปโรงเรียน เพื่อไม่ให้กระจายเชื้อให้ผู้อื่นซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ด้านดร.นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่าผู้ที่เข้าข่ายอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ เพราะเมื่อติดเชื้อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว จะมีอาการรุนแรงอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ จึงขอให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาลทั่วประเทศ จนถึงขณะนี้ได้เตรียมวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไว้แล้วจำนวน 3.1 ล้านเข็ม (โด๊ส) โดยใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินงานจัดหาวัคซีนดังกล่าว ให้แก่กลุ่มเสี่ยงฉีดคนละ 1 เข็ม(โด๊ส)ถ้าฉีดวัคซีนนี้ให้กับคน 100 คน จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้มากกว่า 70 คน ส่วนอีกประมาณ 30 ถ้าเป็นก็จะไม่รุนแรง ขณะนี้มีผู้ฉีดไปแล้วกว่า 177,000 คน “การดำเนินงานในพื้นที่ ที่มีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรค เช่น โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในสำนักงานต่างๆ ในสถานที่ที่เป็นห้องแอร์ โรงเรียน หรือศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานสาธารณสุขและจากประชาชนในการป้องกันควบคุมการระบาดของโรคร่วมกัน ดังนั้นประชาชนที่อยู่ในสถานที่ ที่ค่อนข้างแออัด มีคนหมู่มากอยู่รวมกัน การถ่ายเทอากาศไม่สะดวก เช่น ชุมชน วัด โรงเรียน ฯลฯ แล้วพบผู้ป่วยต้องสงสัยว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และเกรงว่าจะควบคุมการระบาดของโรคไม่ได้ ให้แจ้งทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.)หรือหน่วยงานสาธารณสุขที่อยู่ใกล้ที่สุด หรือแจ้งเข้ามาที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วเข้าไปควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่ ไม่ให้เกิดการระบาดขึ้น” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวปิดท้าย กลุ่มเผยแพร่ สำนักงานเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค โทรศัพท์:0-2590-3862 / โทรสาร: 0-2590-3386 -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา+กระทรวงสาธารณสุขวันนี้

ม.พะเยา ลงนาม MOU กับกรมการแพทย์แผนไทยฯ พัฒนาศักยภาพด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สานต่อองค์ความรู้สู่ชุมชน

รองศาสตราจารย์ ดร.สุภกร พงศบางโพธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด จูหว้า คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ และผู้บริหาร บุคลากรคณะสาธารณสุขศาสตร์ ร่วมในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจทางวิชาการ (MOU) กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โดย นายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วย นพ.กุลธนิต วนรัตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ทางเลือก และผู้บริหาร บุคลากรกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ณ เวทีกลางงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ

จิตแพทย์ แนะหันมาร้องเพลงขณะอาบน้ำ เผยมีป... จิตแพทย์ ชวน “ร้องเพลงขณะอาบน้ำ” ชี้ช่วยลดเครียด ความจำดีขึ้น ต้านเศร้า เหงา ลดหลงลืม — จิตแพทย์ แนะหันมาร้องเพลงขณะอาบน้ำ เผยมีประโยชน์อย่างคาดไม่ถึงอย่า...

วันที่ 20 มีนาคม ทุกปี เป็นวันความสุขสากล... รพ.จิตเวชโคราช แนะเคล็ดไม่ลับ“10วิธีสร้างความสุขง่ายๆให้ชีวิตฟิน”ทุกคน ทุกวัย ทำได้ทุกวัน! — วันที่ 20 มีนาคม ทุกปี เป็นวันความสุขสากล รพ.จิตเวชนครราชสีมา...

โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา เตรียมความพร้อม... รพ.จิตเวชโคราช แนะประชาชน!! ตั้งสติ เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนล่วงหน้า เน้นความปลอดภัยชีวิต — โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมา เตรียมความพร้อมรับมือพายุฤดูร้อน...

สถานพยาบาลนอกสังกัดกทม. พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงเพิ่มเติม

นายปรีชา สุขสนเทศ ผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. แจ้งว่า สถานพยาบาลนอกสังกัดกรุงเทพมหานคร พร้อมให้บริการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลข้าราชการและลูกจ้างกรุงเทพมหานครให้แก่สถานพยาบาลด้วยระบบอิเลคทรอนิกส์ เพิ่มอีกจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ 1. ...

อะแล็คต้า - เอ็นเอฟ ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในโคราชและใกล้เคียง ร่วมกิจกรรมดี ๆ พร้อมรับฟังคำบรรยายและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและพัฒนาการเด็กชื่อดัง

อะแล็คต้า เอ็นเอฟ ชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ในโคราชและใกล้เคียง ร่วมกิจกรรมดี ๆ พร้อมรับฟังคำบรรยายและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ...