เยาวชนสาธิตเกษตรฯ เรียนรู้นอกห้องเรียน อาหารทะเล…เสริมสร้างพลังเด็กไทย และพลังแห่งอนาคตของประเทศ

23 Mar 2012

กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง

“ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ไปด้วยอาหารการกินนานาชนิด ยิ่งขณะนี้ประเทศของเรากำลังจะก้าวไปสู่การเป็นครัวของโลก โดยเฉพาะสินค้าด้านอาหารทะเล ซึ่งไทยเป็นที่ยอมรับว่ามีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และดำรงชีพของสัตว์ทะเลน้อยใหญ่จำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังมีเยาวชนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือคุ้นเคยกับการประกอบอาชีพประมง และเรียนรู้กระบวนการผลิตอาหารทะเลแปรรูปเพื่อเป็นสินค้าส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ร่วมกับ โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงจัดกิจกรรม “ชวนน้อง…เรียนรู้นอกห้องเรียนที่พรานทะเล” เพื่อมุ่งหวังให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้และเข้าใจในกระบวนการผลิตอาหารทะเลตั้งแต่ต้น จนสำเร็จเป็นสินค้าอาหารทะเลแปรรูปที่มีวางจำหน่ายในประเทศและยังใช้ในการส่งออกนำเงินตราเข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท

นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกอาหารทะเลเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยวัตถุดิบอาหารทะเลของไทยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ จากการจับจากธรรมชาติ และจากการเลี้ยง คนไทยได้ขึ้นชื่อว่ามีความเชี่ยวชาญในการทำประมง และเป็นอาชีพที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของชาวไทยมาช้านาน จุดเด่นอีกอย่างคือแรงงานไทยของเรามีคุณภาพประกอบกับเรามีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย มีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อาหารทะเลของประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก อย่างไรก็ตามเด็กไทยในปัจจุบันมีพฤติกรรมการบริโภคที่น่าเป็นห่วง มักนิยมรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ทั้งขนมหวานและของขบเคี้ยว หรืออาหารที่มีไขมันสูงทำให้น้ำหนักตัวสูงกว่าเกณฑ์ปกติและมีสุขภาพที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมากขึ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพและมีประโยชน์มาให้เด็กๆรับประทาน เช่นอาหารทะเลที่มีประโยชน์และช่วยส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ โดยเฉพาะในปลาทะเลที่มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวโอเมก้า3 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาทรวมทั้งเรตินาที่ใช้ในการมองเห็น นอกจากนี้อาหารทะเลยังช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูกและฟัน เพราะมีธาตุแคลเซียม และฟอสฟอรัส รวมทั้งธาตุเหล็กที่มีส่วนเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง มีไอโอดีนช่วยป้องกันโรคคอพอก มีสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของต่อมไธรอยด์ เด็กๆจึงควรรับประทานอาหารทะเลให้หลากหลายชนิด สลับไปมา โดยรับประทานให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอ

ด.ญ.ภัทรานิษฐ์ กิตติเชาวนันท์ น้องไนซ์ อายุ 13 ปี บอกว่า “วันนี้สนุกมากค่ะที่ได้มาเห็นกระบวนการแปรรูปสินค้าอาหารทะเลเพื่อนำไปส่งขายให้คนทั่วโลก หนูภูมิใจมากค่ะที่คนไทยเก่ง เราเป็นประเทศที่ยังอุดมสมบูรณ์และเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ซึ่งพวกเราต้องช่วยกันรักษา และดูแลสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำและทะเล เพื่อที่เราจะได้มีอาหารทะเลรับประทานไปตลอดและยังสามารถแบ่งปันไปให้กับคนทั่วโลกอีกด้วย วันนี้หนูยังได้เรียนรู้ประโยชน์ของอาหารทะเล ซึ่งนอกจากจะเอามาทำได้หลากหลายเมนู ทั้งอร่อยและได้สุขภาพ ยังได้ความรู้เพิ่มเติมว่าในเนื้อปลามีโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็น ช่วยร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรค ทำให้ระบบสมองทำงานได้ดี มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ทำให้ผนังเซลล์แข็งแรงช่วยให้ผิวพรรณสดใสยืดหยุ่น เรียกว่าช่วยให้ผู้หญิงดูดีทั้งผิวพรรณภายนอกและมีสมองที่เฉียบคมภายในด้วย จึงจะสวยได้ทั้งจากภายในและภายนอกค่ะ”

ด.ช.ธนกร ฉลองเกื้อกุล น้องนุ อายุ 14 ปี เล่าว่า “ผมทึ่งมากครับที่ได้มีโอกาสมาเรียนรู้กระบวนการทำอาหารทะเลส่งออกในสถานที่จริง จากอาหารทะเลสดๆที่ถูกแช่แข็งมาจากเรือในทะเลด้วยอุณภูมิติดลบ (-20 องศาเซลเซียส) พี่ๆบอกว่าเป็นการช็อกความสดไว้ มาสู่ขั้นตอนการละลาย ทำความสะอาด ขอดเกล็ด ตัดเป็นชิ้นนำไปบรรจุใส่ห่อสวยงาม เพื่อนำไปส่งขายนำเงินตราเข้าประเทศ ซึ่งเมื่อได้ฟังตัวเลขที่พี่ๆบอกว่าปีละเป็นหมื่นล้านแล้วผมภูมิใจมากครับที่ไทยเราเป็นครัวของคนทั่วโลก วันนี้ผมตั้งใจจะกลับบ้านไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า ต่อไปผมอยากจะรับประทานอาหารทะเลบ่อยๆ เพราะนอกจากจะช่วยสนับสนุนให้พี่ๆชาวประมงได้มีงานทำแล้ว อาหารทะเลยังมีประโยชน์ ยิ่งสำหรับเด็กอย่างพวกเราซึ่งอยู่ในวัยเจริญเติบโต ใช้พลังงานและสมองในการทำกิจกรรมรอบด้าน การรับประทานอาหารทะเลช่วยเสริมสร้างให้มีสุขภาพแข็งแรง มีพัฒนาการด้านต่างๆได้ดีครับ ส่วนสำหรับผู้สูงอายุที่บ้านอย่างคุณตาคุณยายของผม อาหารทะเลมีคลอเลสเตอรอลและไขมันอิ่มตัวที่น้อยกว่าเนื้อหมูและเนื้อไก่ ทำให้ไม่อ้วนและลดความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายต่างๆครับ”

ด.ญ.วิลาสินี ถีระวงศ์ หรือน้องเอิร์ท อายุ 14 ปี บอกว่า “วันนี้มีโอกาสได้เห็นการทำงานของพี่ๆในโรงงาน พี่ๆเก่งและเชี่ยวชาญ มีความชำนาญมากค่ะ มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ทำอะไร การทำงานทุกอย่างเป็นระเบียบและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด สอนให้เรารู้ว่าในการทำงานร่วมกับคนจำนวนมาก เราจำเป็นต้องเคารพกฎและข้อบังคับเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและงานก็จะเสร็จได้รวดเร็วค่ะ หนูคิดว่าหลักการทำงานแบบนี้เราสามารถนำมาใช้ในการเรียนและการทำงานอื่นๆร่วมกับเพื่อนๆได้ หากมีการวางแผนงานที่ดี แบ่งงานตามความรับผิดชอบก็จะทำให้งานออกมาดีและประสบความสำเร็จค่ะ”

เกร็ดความรู้สำหรับน้องๆ ทราบหรือไม่ว่าอาหารทะเลมีคุณค่ามากมาย

ประโยชน์จากกุ้ง อุดมไปด้วย แร่ธาตุ โปรตีน และ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แคลเซียมที่อยู่ในเปลือกกุ้งช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

ประโยชน์จากเนื้อปลา อุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย เสริมภูมิต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย ย่อยง่าย นอกจากนี้ในปลาทะเลยังมีดีเอชเอ (DHA) สูง ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวมีความจำเป็นต่อการพัฒนาระบบของสมองและระบบประสาทตา

ประโยชน์จากปลาหมึก ในปลาหมึกจะมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว กลุ่มโอเมก้า 3 อยู่สูงมาก คลอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในปลาหมึกนั้นจะช่วยให้ผิวหนังแต่งตึง ใบหน้าไม่เหี่ยวย่น

ประโยชน์จากปูและหอย ในเนื้อปูและหอยจะมี กรดอะมิโนกว่า10ชนิด ทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด อีกทั้งมีไอโอดีนสูงช่วยให้ไม่เป็นโรคคอหอยพอก และ โอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวอยู่สูง มีผลช่วยลดโคเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการเลือดจับตัวเป็นก้อนซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว และยังช่วยพัฒนาสมองและพัฒนาระบบประสาท จึงควรรับประทานอาหารทะเลอย่างสม่ำเสมอ

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net