เมย์แบงก์กิมเอ็งประกาศลั่นขอเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำของไทย ตั้งเป้าครองมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น 12% ในปี 2555 จากที่ปี 2554 มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 11.86%

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--เมย์แบงก์ กิมเอ็ง

เมย์แบงก์กิมเอ็งที่ดำเนินธุรกิจใน 11 ประเทศทั่วโลกยกประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญตลาดหนึ่งด้วยการที่เป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 ของประเทศอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 10 ปี โดยปัจจุบันเมย์แบงก์กิมเอ็งมีรายได้ 28% ของกลุ่มเมย์แบงก์ในปี 2554 ดาโต๊ะ ศรี อับดุล วาฮิด โอมาร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมย์แบงก์ เปิดเผยว่าเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีบทบาทสำคัญของกลุ่มเมย์แบงก์ในการที่จะทำให้กลุ่มเมย์แบงก์ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการเงินในปี 2558 ซึ่งเมย์แบงก์เราให้ความสำคัญกับตลาดที่มีศักยภาพ และตลาดที่จะทำให้เรามีความแข็งแกร่ง ซึ่งสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นประเทศไทยถือเป็นประเทศที่เศรษฐกิจใหญ่โตเป็นอันดับสอง ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะถึง 5.2% ในปี 2555 ซึ่งนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้เราซื้อกิจการกิมเอ็ง โฮลดิ้ง และนอกจากนี้การที่ประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราร้อยละ 5 ต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดสำคัญของกลุ่มเมย์แบงก์ในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ “เมย์แบงก์ กิมเอ็งมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำทางการเงินภายในปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่เราจะได้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปีนั้น และจะเป็นปีที่เราจะทำให้ภูมิภาคของเราเป็นตลาดเดียวที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการแข่งขันสูง รวมถึงเป็นฐานการผลิต ซึ่งเมย์แบงก์กิมเอ็งตั้งใจที่จะให้ทุนสนับสนุนการเปิดเสรีทางการเงิน สินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน และแรงงานฝีมือ ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งของเมย์แบงก์กิมเอ็งในประเทศไทย เราคาดหวังว่าจะใช้ศักยภาพ เครือข่ายสำหรับธุรกิจซื้อ ขายหลักทรัพย์ และธุรกิจวาณิชธนกิจในประเทศไทย นอกจากนี้เราจะนำความชำนาญในธุรกิจอื่นๆ เช่น ประกันภัย ธนาคารอิสสาม และการบริหารจัดการการเงินมาใช้ในการขยายธุรกิจในประเทศไทยในอนาคต” เต็งกู ดาโต๊ะ ซาฟรูล์ เต็งกู อับดุล อาซิส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมย์แบงก์ ไอบี กล่าวเสริมว่า “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทยตั้งเป้ารายได้สูงขึ้นด้วยการขยายธุรกิจรวมถึงการพัฒนาสินค้า และบริการใหม่ๆ โดยในปี 2554เมย์แบงก์ กิมเอ็งมีรายได้ 3.2 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 654 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าขยายเครือข่ายด้วยการลงทุนขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขาในปีนี้ รวมถึงเริ่มให้บริการการบริหารจัดการเงินและการลงทุน และการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ offshore อีกด้วย ซึ่งถือเป็นการวางรากฐานการเป็นผู้นำในธุรกิจด้านนี้ในประเทศไทย เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทยมีแผนให้บริการการซื้อขายแบบ Cross Trading ภายใต้เครือข่าย ASEAN LINK ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการซื้อขายหลักทรัพย์ของอาเซียน โดยในระยะแรกจะเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ข้ามกันระหว่างประเทศคือ มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ภายในปี 2555 ซึ่งกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีประชากรมากกว่า 600 ล้านคน และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติรวมกันมากกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (2 Trillion) ถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีความเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมากแห่งหนึ่งของโลก นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่าชื่อของเมย์แบงก์ กิมเอ็งถือว่าเป็นความแข็งแกร่งมาก และเชื่อมั่นว่าจะทำให้เมย์แบงก์กิมเอ็งเป็นธนาคารและสถาบันการลงทุนของภูมิภาคอีกทั้งแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทางการเงินของเมย์แบงก์กิมเอ็งในภูมิภาคอีกด้วย ซึ่งการรวมกันครั้งนี้ทำให้เมย์แบงก์กิมเอ็งประเทศไทยพัฒนาการให้บริการวาณิชธนกิจ บริการที่ปรึกษาและจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ รวมถึงการให้บริการในการบริหารจัดการการเงินและการลงทุน และยิ่งไปกว่านั้นเราจะมีบริการใหม่ให้กับลูกค้าในเร็วๆนี้คือ WEALTH MANAGEMENT SERVICE ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ซับซ้อน และหลากหลาย โดยทีมงานมืออาชีพของเรา ส่วนบริการซื้อขายหลักทรัพย์ OFFSHORE นั้นลูกค้าสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ หรือซื้อขายโดยตรงผ่านระบบเครือข่ายออนไลน์ของเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสสองของปีนี้ ซึ่งการลงทุนข้ามชาตินี้ถือเป็นช่องทางที่ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วในเรื่องของผลตอบแทน และการกระจายความเสี่ยงของลูกค้า ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้วเมย์แบงก์ กิมเอ็งยังให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าในอีกสี่ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา “ในส่วนของการขยายเครือข่ายในประเทศไทยนั้น ได้มีการเปิดสาขาที่หัวหินเมื่อเร็วๆนี้ และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มเติมที่กรุงเทพมหานครอีกสองสาขา ซึ่งจะทำให้เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทยมีสาขาทั่วประเทศทั้งสิ้น 47 สาขา และมีทีมงานมืออาชีพกว่า 600 คน” นายมนตรีกล่าว เกี่ยวกับ กลุ่มเมย์แบงก์ เมย์แบงก์ กลุ่มธุรกิจธนาคารชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมย์แบงก์ กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในมาเลเซีย ด้วยเครือข่ายสาขามากกว่า 2,200 แห่งใน 17 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน ดารุสซาลาม เวียดนาม กัมพูชา ประเทศไทย ปาปัวนิวกินี ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บาห์เรน อุซเบกิสถาน ปากีสถาน อินเดีย ซาอุดิอารเบีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา กลุ่มเมย์แบงก์มีบริการ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารอิสลาม ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจประกันภัย และธุรกิจให้บริการกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ยตามหลักศาสนาอิสลาม และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ โดยปัจจุบันมีพนักงานทั้งสิ้น 45,000 คน และมีลูกค้ามากกว่า 22 ล้านคนทั่วโลก เกี่ยวกับเมย์แบงก์ กิมเอ็ง เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นกลุ่มให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจวาณิชธนกิจชั้นนำของเอเชีย โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย ซาอุดิอารเบีย เวียดนาม ลอนดอน สหราชอาณาจักร และนิวยอร์ก โดยให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย เช่น ธุรกิจ corporate Finance,ธุรกิจวาณิชธนกิจ, ธุรกิจด้านตลาดเงิน และตลาดทุน,ตราสารอนุพันธ์, ธุรกิจร่วมลงทุน (Venture Capital) ธุรกิจธนบดีธนกิจ (Private Banking) , ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์รายย่อย และสถาบัน, วิจัยและการบริหารจัดการสินทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นผู้นำธุรกิจในตลาดอาเซียนและได้รับรางวัลการบริหารจัดการธุรกิจในแต่ละประเทศที่มีสำนักงานตั้งอยู่หลายรางวัลด้วยกัน บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศไทย และครองอันดับหนึ่งในธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อยมาเป็นเวลานานถึง 10 ปีนับแต่ปี 2012 เป็นต้นมา บริษัท ฯ ให้บริการทางการลงทุน และหลักทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์สำหรับรายย่อย และสถาบันรวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจ ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งสิ้นทั่วประเทศจำนวน 45 สาขา มีพนักงานประมาณ 600 คน และมีลูกค้า 80,000 ราย -กภ-

ข่าวเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย+เมย์แบงก์ กิมเอ็งวันนี้

เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ 1.9 ล้านล้านเหรียญฯ

นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย) ประเมินว่า สหรัฐฯผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านเหรียญฯ ตามที่ตลาดคาด ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาวุฒิสภาสหรัฐฯมีมติ 50 ต่อ 49 เสียง ลงคะแนนผ่านมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 วงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญฯ รายละเอียดดังนี้ 1)เงินช่วยเหลือโดยตรง (ให้ครั้งเดียว) 1,400 เหรียญฯ สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 7.5 หมื่นเหรียญฯ และคู่สมรส ที่มีรายได้รวมกันน้อยกว่า 1.5 แสนเหรียญฯ รวมเป็นวงเงิน 4

คุณอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริห... เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดกลยุทธ์ปี 65 มุ่งสู่ผู้นำด้านการลงทุนครบวงจร — คุณอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เปิด...

นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสต... เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเร็วกว่าคาด — นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้...

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริห... เมย์แบงก์ กิมเอ็ง จัดสัมมนา WORLD WIDE WEALTH ให้แก่ลูกค้า Investment Management — นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย นางสาวปนัดดา ตัณฑ...

บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไ... เมย์แบงก์ กิมเอ็ง รับรางวัล Best Capital Markets Brokerage South East Asia 2021 — บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ได้รับรางวัล "Best Capital ...

ภาพข่าว: เยี่ยมชมกิจการกลุ่มKTIS

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม KTIS ร่วมให้การต้อนรับ นายมนตรี ศรไพศาล (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)และคณะฯ ในโอกาสที่เข้าเยี่ยมชมกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษฟอกขาวและโรงงาน...

เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย และฟิลิปปินส์ คว้ารางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยม จากไฟแนนซ์เอเซีย

เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมจากนิตยสารไฟแนนซ์เอเซีย ซึ่งเป็นนิตยสารเศรษฐกิจชั้นนำระดับโลกที่เสาะหาสุดยอดสถาบันการเงินต่างๆ จากทั่วภูมิภาค เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเทศไทย นับ...