เอกชนฝันเห็นรัฐตื่นปกป้องธุรกิจโซล่าร์เซลล์ในประเทศ เอกรัฐโซล่าร์ช้ำใจBOIทำเงินรั่วออกนอกประเทศเพียบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--25 ก.ย.--เอกรัฐโซล่าร์

นายกสมาคมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย กระทุ้งรัฐต้องตื่นสร้างมาตรการหนุนธุรกิจโซล่าเซลล์ได้แล้ว พร้อมเสนอเพิ่มปริมาณการผลิตเป็น 4,000 - 5,000 เมกกะวัตต์ เชื่อแผนเดิมที่กำหนดไว้ 2,000เมกกะวัตต์ หมดเกลี้ยงแน่ในอีก 2 ปี ฟากเอกรัฐโซล่าร์เผยช้ำใจประเทศไทยปล่อยเงินรั่วออกประเทศ เหตุปล่อยนำเข้าเซลล์และแผงต่างชาติทะลักเข้าประเทศเพียบ ดึงเม็ดเงินจากการขายไฟให้ระบบและคนไทยใช้ กลับสู่ประเทศตน นายดุสิต เครืองาม นายกสมาคมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกของประเทศไทยว่า แม้อนาคตธุรกิจพลังงานทางเลือกจะเข้ามามีบทบาทในเรื่องของพลังงานของประเทศ และตลอดระยะเวลาทีผ่านมาได้พยายามผลักดันในเรื่องพลังงานทางเลือกจะเข้ามามีบทบาทสำคัญกับทุกรัฐบาลมาโดยตลอด ทั้งทำจดหมายและหนังสือถึงรัฐบาลทุกชุดและปลัดพลังงานเกือบทุกคนเพื่อให้เห็นความสำคัญ และพบว่าแม้ทุกเรื่องที่เสนอไปมีความสำเร็จในเวลาต่อมา แต่ก็ใช้เวลานานถึง 5-7 ปี จึงจะเห็นผลในการขับเคลื่อนทางฝ่ายภาครัฐที่มีต่อการสนับสนุนในอุตสาหกรรมนี้ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนและต่อเนื่องในเรื่องของนโยบายและการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงขอเสนอแนะทางแนวทางในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับธุรกิจเซลล์แสงอาทิตย์ โดยรัฐควรออกมาตรการจูงใจในการลงทุนและติดตั้งโซลาเซลล์ เพื่อขจัดปัญหาทางด้านการเปลี่ยนมือหรือการซื้อขายใบอนุญาตที่ได้รับ เพราะผู้ประกอบการไม่มีความพร้อมในเรื่องของทุน โดยเมื่อมีใบอนุญาตก็ขายต่อให้กับนักลงทุนต่างประเทศ พร้อมกับออกมาตรการรับซื้อไฟฟ้าราคาพิเศษ โดยต้องยืดระยะเวลาการรับซื้อให้ยาวออกไปอีก และน่าจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเลขการกำหนดพลังงานจากโซลาเซลล์ ในแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก(AEDP) จาก2,000เมกกะวัตต์ เพิ่มเป็น4,000-5,000 เมกกะวัตต์ เพราะหากดูตามแผนเดิมที่กำหนดไว้ คาดว่าภายในเวลา 2 ปีน่าจะหมด เนื่องจากขณะนี้พบว่าในระบบมีการดำเนินการในเรื่องของโซลาเซลล์มากขึ้น ซึ่งคาดว่าสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 400 เมกกะวัตต์ และปลายปี 2556 จะเพิ่มเป็น 700 – 800 เมกกะวัตต์ และปี 2557 น่าจะมีประมาณ1,000เมกวัตต์ นอกจากนี้กระทรวงการคลัง ควรนำมาตรการทางภาษีมาจูงใจทั้งในส่วนของภาษีบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเช่น เอกชนที่ลงทุน 1 ล้านบาท ก็ให้นำมาคำนวณภาษีได้ 2 ล้าน ขณะที่บุคคลธรรมดาที่ลงทุนติดตั้งแผง โซลาก็ให้นำเงินลงทุน 5แสนมาคำนวณในการลดภาษีได้ 5 ปีหรือนำมาลดหย่อนได้ ปีละ 100,000 บาท ซึ่งถ้าหากทำได้ก็จะสนับสนุนให้โซลาเซลล์ของประเทซมีการเติบโต รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรมจะต้องเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากเดิมที่กำหนดว่า โรงไฟฟ้าขนาด 3.7 กิโลวัตต์จะต้องได้รับใบอนุญาติในการก่อสร้างโรงงาน โดยต้องแก้ไขระบุว่าเซลล์แสงอาทิตย์เล็กกว่า 1 เมกกะวัตต์ ไม่ต้องขอใบอนุญาต “ขณะนี้ในประเทศไทยคิดว่ามูลค่าของธุรกิจโซล่าเซลล์น่าจะอยูที่ 1.5 แสนล้านบาท โดยกว่า 99 % เป็นโซลลาฟาร์มและ1%และทุกวันถือว่าการผลิตโซลาเซลล์ในประเทศมีเพิ่มมากขึ้นจาก 7-8 ปีประเทศไทยยังไม่มีเลย ดังนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วรัฐบาลจะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุน อย่างไรก็ตามในขณะนี้ในเรื่องของการรับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์)จากปัจจุบันที่ซื้อในราคา8บาทและอนาคตจะมีการเปลี่ยนเป็นฟีดนทารีฟ(Feed In Tariff)หรือการรับซื้อในราคาต้นทุนจริงๆซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศอัตราในการรับซื้อในอีก 2-3เดือนข้างหน้า ซึ่งหากออกมาไม่เหมาะสมก็จะเกิดเหตุให้มีการขาใบอนุญาติและการผูกขาดเกิดขึ้นแน่นอนและไม่ยุติธรรมกับผู้ประกอบการที่เข้าใหม่ และจะทำให้เกิดการซื้อกิจการจากต่างประเทศ” นายดุสิต กล่าวว่า หากประเทศไทยมีโซลาฟาร์มที่เติบโตก็จะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตตามด้วยเช่นธุรกิจเหล็กเพราะโซลาฟาร์มใช้เหล็กเป็นองค์ประกอบเป็นจำนวนมาก และยังมีธูรกิจ สายไฟ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ซิลีคอน ฟิมล์ การผลิตกระจก แบตเตอร์รี่และธุรกิจที่ปรึกษาเกิดขึ้นตามมาอีกมาก ดังนั้นจึงอยากเห็นนโยบายและความชัดเจนในธุรกิจพลังงานทางเลือกของรัฐบาลเพราะก่อนหน้านี้ธุรกิจนี้เกิดการชะงักงันมาแล้ว นายวิวัฒน์ แสงเทียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอกรัฐโซล่าร์ จำกัด กล่าวว่า การที่ทางการมีแนวคิดจะมีการเปลี่ยนแปลงระบบการรับซื้อไฟจากแอดเดอร์ที่ 8บาทเป็นเฟสอินคือซ้อในราคาต้นทุนจริง ซึ่งคร่าวๆน่าจะอยู่ที่5.94 บาท หากมีการรับซื้อไฟในราคาดังกล่าว ธุรกิจนี้จะต้องประสบปัญหาในเรื่องของเงินทุนสนับสนุนจากภาคธนาคารแน่นอน เพราะหากรัฐซื้อในราคาระดับนี้ถือว่าเป็นราคาที่ไม่สมจริง หรือในการลงทุนผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยเพียง 5-6% คำถามคือว่า ธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่เพราะผลตอบแทนการลงทุน(IRR)ต่ำมาก หรือหากแยกตามการลงทุนในพลังงานทางเลือกจะพบว่าแสงอาทิตย์IRRจะอยู่ที่ 10% โครงการไบโอพลาสติกส์IRR อยู่ที่ 15 %และจากขยะอยู๋ที่ 25% ซึ่งการทำไฟฟ้าจากขยะมีประมาณ 5 - 6 โครงการ นอกจากนี้หากดูรายละเอียดในโครงการเซลล์แสงอาทิตย์ปัจจุบันจะพบว่ามีการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น ทั้งในส่วนเซลล์และแผง ที่กว่า 99%มีการนำเข้ามา และเมื่อมีการขายไฟเข้าระบบเงินที่ได้ก็กลับออกไปต่างประเทศเพราะทุกวันนี้มีการเปลี่ยนมือกันมาก และส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของต่างประเทศ และไม่ต้องเสียภาษีเลย เนืองจากปีแรกของการลงทุนก็มีกำไร เพราะคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ให้การสนับสนุนที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย ซึ่งทำให้รัฐเสียประโยชน์ -นท-

ข่าวสมาคมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย+อุตสาหกรรมพลังงานวันนี้

TGE ร่วมสัมมนา "9th Waste Management & Waste to Energy Asia Summit 2025 Thailand Focus, (Co-organized with 9th Biogas Biomass & Bioenergy Asia Summit 2025)"

นายสืบตระกูล บินเทพ (ที่ 1 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ถ่ายภาพร่วมกับวิทยากรร่วมในงาน "9th Waste Management & Waste to Energy Asia Summit 2025 Thailand Focus, (Co-organized with 9th Biogas Biomass & Bioenergy Asia Summit 2025)" เวทีสัมมนาระดับภูมิภาคที่รวบรวมผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ แบ่งปันองค์ความรู้ และนำเสนอแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน การ

XSpring AM เปิดตัว "กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริง... XSpring AM เปิดตัวกองทุน X-NUCTECH ชี้โอกาสใหม่ในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานนิวเคลียร์ระดับโลก — XSpring AM เปิดตัว "กองทุนเปิดเอ็กซ์สปริงเทคโนโลยีพลังงานนิวเ...

Solis หนึ่งในผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่แ... 20 ปีแห่งความสำเร็จ: Solis ฉลองครบรอบด้วยการเปิดตัวครั้งใหญ่ที่งาน Intersolar — Solis หนึ่งในผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์รายใหญ่และมีประสบการณ์มากที่สุดในโลก เตรี...

เมื่อวันที่ 11 13 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา บ... SKE Group ร่วมงาน "BU Job Fair 2025" สร้างโอกาสเชื่อมโยงเส้นทางอาชีพสู่อุตสาหกรรมพลังงาน — เมื่อวันที่ 11 13 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัท สากล เอนเนอยี จำ...