คร.7 ชี้ “อัมพาต” ภัยใกล้ตัว

24 Oct 2012

กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี

ในวันที่ 29 ตุลาคม ของทุกปี องค์การอัมพาตโลก (World Stroke Organization: WSO) ได้กำหนดให้เป็นวันอัมพาตโลกโดยมีประเด็นรณรงค์คือ “1 in 6 จะไม่ใช่คุณ” เพื่อกระตุ้นให้ประชากรทั่วโลกเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ซึ่งไม่ใช่แค่สร้างความตระหนักเท่านั้น แต่รวมถึงการดูแลที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยหลังเกิดอาการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี เผยว่า จากรายงานสถานการณ์โรคหลอดเลือดสมองขององค์การอัมพาตโลก พบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2 ของประชากรอายุมากกว่า 60 ปีทั่วโลกและเป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับ 5 ของประชากรที่มีอายุ 15-59 ปี โดยในแต่ละปีมีคนทั่วโลกเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 6,000,000 คน โดยค่าเฉลี่ย ในทุก 6 วินาที จะมีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน ซึ่งมากกว่าคนทั่วโลกที่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์, วัณโรค และมาลาเรียรวมกัน ทั้งนี้องค์การอัมพาตโลก ยังคาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ.2015 คนทั่วโลกจะเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองถึง 6.5 ล้านคน สำหรับสถานการณ์โรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย สำนักนโยบายสุขภาพ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงาน 10 ลำดับแรกของการตายในประชากรไทย ในปี 2552 พบว่า การตายด้วยโรคหลอดเลือดสมองขึ้นนำมาอยู่ในลำดับ 1 ทั้งในประชากรเพศชายและเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง มี 8 ปัจจัย คือ 1. ภาวะความดันโลหิตสูง 2. โรคเบาหวาน 3. ระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง 4. ประวัติญาติสายตรงเคยเจ็บป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง 5. ขาดการออกกำลังกาย 6. ภาวะน้ำหนักเกิน 7. สูบบุหรี่ 8. ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ (Arial Fibrillation)

สัญญาณเตือน ของโรคหลอดเลือดสมองที่สำคัญ คือ มีอาการอ่อนแรงของหน้า แขน ขา อย่างทันทีทันใด ซึ่งจะเป็นซีกเดียวของร่างกาย สับสน ลำบากในการพูด พูดไม่รู้เรื่อง การมองเห็นลดลง อาจเป็นตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง มึนงง สูญเสียความสมดุลของการเดินอย่างทันทีทันใด ถ้ามีอาการเหล่านี้ให้ไปโรงพยาบาลโดยด่วนภายใน 3 ชั่วโมง จะได้ช่วยรักษาชีวิตและฟื้นฟูให้มีสภาพปกติมากที่สุด มาตรการในการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง ทั้ง 8 ปัจจัย โดยถ้ายังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ควรทำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็น ดังนี้ 1. ลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม และเพิ่มผักผลไม้ 2. การออกกำลังกายอย่างเพียงพอโดยออกกำลังกายวันละ 15-30 นาที ใน 3-5 วัน/สัปดาห์ 3. ควรงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ 4. ลดความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้ามีปัญหาโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานให้รีบปรึกษาแพทย์และรับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่จะเกิดได้ในภายหลัง ซึ่งจะช่วยลดอัตราตาย และลดความพิการลงได้ โดยส่งผลให้ 1 ใน 6 จะไม่ใช่คุณ นพ.ศรายุธ กล่าว

-นท-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net