ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ปตท. จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน 60 สตางค์/ลิตรและน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล 50 สตางค์/ลิตร

06 Aug 2012

กรุงเทพฯ--6 ส.ค.--ปตท .

นายสรัญ รังคสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องภายหลังตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มดีขึ้น กอปรกับธนาคารกลางยุโรปมีแนวโน้มเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลของประเทศในสหภาพเพื่อช่วยลดต้นทุนเงินกู้ ล่าสุด (6 ส.ค. 55) ราคาปิดตลาดสิงคโปร์ น้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 102.46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 อยู่ที่ 123.18 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วอยู่ที่ 121.48 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับราคาครั้งล่าสุด อีก 3.43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 และ 1.38 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ส่งผลให้ค่าการตลาดกลุ่มเบนซินเหลืออยู่เพียง 72 สตางค์/ลิตร ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินขึ้นลิตรละ 60 สตางค์/ลิตร และน้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอลทุกชนิดปรับขึ้น 50 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีก ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (7 ส.ค. 55) ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป เป็นดังนี้

หน่วย: บาท/ลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 (บลู แก๊สโซฮอล E85)

22.68

น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 (บลู แก๊สโซฮอล E20)

34.98

น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 (บลู แก๊สโซฮอล 95)

38.63

น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 (บลู แก๊สโซฮอล 91)

36.88

น้ำมันเบนซิน 91 (บลู แก๊สโซลีน 91)

44.05

น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (บลู ดีเซล)

29.63

นายสรัญ เพิ่มเติมว่า ในระยะสั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกจากความหวังของนักลงทุนที่คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการออกมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) ประกอบกับการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน อนึ่ง สำหรับการปรับราคาในครั้งนี้ นั้น ปตท. ได้พยายามชะลอการปรับขึ้นอย่างเต็มที่แล้ว ดังจะเห็นได้จากการที่ผู้ค้าบางรายได้ทยอยปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้าแล้วตั้งแต่ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ดังนั้น จึงขอให้ประชาชน เชื่อมั่นว่า ปตท. จะได้ติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อทำหน้าที่ในการดูแลราคาขายปลีกน้ำมันให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย และขอให้ผู้บริโภคมีการใช้พลังงานอย่างประหยัดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อประโยชน์ทั้งต่อตนเอง และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ -กภ-