กลุ่มสามารถสรุปผลงานปี 55 กำไรทะลุพันล้าน มั่นใจปี 56 โตต่อเนื่อง ทั้งรายได้และกำไร

27 Feb 2013

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--สามารถคอร์ปอเรชั่น

กลุ่มสามารถแจ้งผลการดำเนินงานปี 55 มีรายได้รวม 17,100 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,071 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนถึง 28 เปอร์เซนต์ โดยเฉพาะสามารถ ไอ-โมบาย ส่อแววฟื้นตัวชัดเจนด้วยกระแสสมาร์ทโฟนที่ยังแรงต่อเนื่อง คาดปี 56 ยอดขายสมาร์ทโฟนจะพุ่งกว่า 300 เปอร์เซนต์ ซึ่งจะฉุดรายได้และกำไรของกลุ่มไอ-โมบายให้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น ด้านงานไอทีและโทรคมนาคมในปี 55 เซ็นสัญญาใหม่ได้กว่า 7,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้แล้วเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมลุยงานประมูลใหม่ในปีนี้ ซึ่งมีมูลค่าโครงการรวมกันแล้วถึง 40,000 ล้านบาท เพื่อดันรายได้และกำไรกลุ่มสามารถให้โตแบบก้าวกระโดดตามเป้าหมาย

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ในหลายๆ ปีที่ผ่านมา เราเน้นการสร้างรายได้ประจำ การต่อยอดทางธุรกิจ และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการเติบโตของรายได้ประจำซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 31 เปอร์เซนต์ของรายได้รวมในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการพลิกฟื้นของธุรกิจมือถือไอ-โมบาย สมาร์ทโฟน ซึ่งหลังจากการเปิดตัวอย่างจริงจังในไตรมาส 3 ปี 55 ก็สามารถสร้างยอดขายสมาร์ทโฟนในเวลาสั้นๆได้ถึงกว่า 500,000 เครื่องจากจำนวนมือถือที่ขายได้ทั้งหมดกว่า 4 ล้านเครื่อง ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯยังประสบความสำเร็จในการเข้าเทคโอเวอร์ บริษัท เทด้า จำกัด ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการรุกธุรกิจด้านไฟฟ้าของสายธุรกิจ Utilities & Transportations ต่อไป”

สรุปปี 55 กลุ่มบริษัทสามารถ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 17,100 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 1,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซนต์ โดยบมจ. สามารถไอ-โมบาย ผู้ดูแลสายธุรกิจ Mobile Multimedia มีรายได้รวม จำนวน 7,042 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซนต์ สายธุรกิจ ICT Solutions โดย บมจ. สามารถเทลคอมมีรายได้รวม 7,744 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 811 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น, บมจ. สามารถเทลคอม และบมจ. สามารถ ไอ-โมบาย ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2555 ที่เหลือในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท, 0.45 บาท และ 0.025 บาท ตามลำดับ

“ผมเชื่อว่าในปี 56 จะยิ่งเห็นการเติบโตของธุรกิจด้านการสื่อสารและโทรคมนาคมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ทั้งเครือข่ายการสื่อสาร 3G-4G และระบบการรับ-ส่งสัญญาณจากอนาล็อคสู่ดิจิตอล ซึ่งก็จะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล ทั้งการวางระบบเครือข่าย การเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟนและกล่องรับสัญญาณในระบบดิจิตอล ตลอดจนการขยายตัวของบริการคอนเท้นต์และธุรกิจ MVNO ด้วยสัญญาณบวกดังกล่าว กลุ่มบริษัทสามารถจึงตั้งเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี 56 ด้วยเป้ารายได้รวม30,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซนต์”นายวัฒน์ชัยกล่าว พร้อมสรุปแผนงานเด่นในแต่ละสายธุรกิจ ดังนี้

สายธุรกิจ ICT Solutions วางแผนเข้าร่วมประมูลโครงการในปี 56 มูลค่ารวมแล้วกว่า 40,000 ล้านบาทในหลากหลายโครงการขององค์กร ทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งล้วนมีนโยบายและความตื่นตัวในการนำเทคโนโลยีไอซีทีมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ตลอดจนการให้บริการประชาชน เช่น กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงมหาดไทย, การท่าอากาศยานฯ, กรมที่ดิน, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, สนง. ตำรวจแห่งชาติ, กรุงเทพมหานคร และบมจ. ทีโอที เป็นต้น

ด้าน Mobile Multimedia ปี 56 บริษัทฯ มุ่งขายสมาร์ทโฟน โดยตั้งเป้าไว้ 2.3 ล้านเครื่อง จากจำนวนเครื่องที่คาดว่าจะขายได้ 3.3 ล้านเครื่อง ซึ่งจากสัดส่วนการขายสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นกว่า 300 เปอร์เซนต์นี้ จะส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไร ทั้งยังจะเป็นเครื่องมือในการต่อยอดการให้บริการคอนเท้นต์ ซึ่งบจก.สามารถมัลติมีเดียเป็นผู้นำตลาด ด้วยรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซนต์ในปี 56 ด้านธุรกิจ MVNO ก็คาดว่าจะมีการขยายตัวของผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นถึง 1.2 ล้านรายในสิ้นปี 56 ด้วยโครงข่าย 3G ที่มีการขยายครอบคลุมทั่วประเทศและความพร้อมในการรุกตลาด MVNO อย่างจริงจังภายใต้แบรนด์ i-mobile 3GX ซึ่งภายในเดือนมีนาคมนี้ จะมีการจัดงาน i-mobile Day เพื่อแสดงศักยภาพในการเป็นผู้ให้บริการ MVNO ครบวงจร พร้อมเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่อีกหลายรุ่น ซึ่งสามารถรองรับเทคโนโลยี 3G-4G และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้อย่างชาญฉลาด

สายธุรกิจอื่นๆ (Related Businesses) ได้แก่ บริษัท วันทูวันคอนแทคส์ จำกัด ปัจจุบันมีโครงการในมือแล้วกว่า 500 ล้านบาท เตรียมเข้าประมูลงานในปี 56 มูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท พร้อมวางแผนขยายบริการในกัมพูชา พม่า และลาว โดยจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นเหตุผลที่อาจจะมีการพิจารณานำ “วันทูวัน” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในราวครึ่งปีหลัง ด้านบริษัท วิชั่น แอนด์ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม จำกัด ปัจจุบันมีงานในมือประมาณ มูลค่ารวม 400 ล้านบาท คาดจะประมูลงานได้เพิ่มเติมอีกหลายโครงการในปี 56 โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 900 ล้านบาท บริษัท สามารถวิศวกรรม จำกัด ได้มีการขยายไลน์เพื่อรองรับการผลิตอุปกรณ์ทางด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมลุยในธุรกิจดิจิตอลทีวี ซึ่งต่อไปจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัท

สายธุรกิจ Utilities & Transportations นำโดย บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด เตรียมแผนเข้าประมูลระบบเรด้าในสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่าราว 2,000 ล้านบาท พร้อมผลักดันธุรกิจด้านพลังงานผ่านบริษัทลูกล่าสุด “เทด้า” ซึ่งมีความชำนาญในการสร้างโรงไฟฟ้าและการเดินสายไฟขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีงานที่จะทยอยรับรู้รายได้แล้วกว่า 1,500 ล้านบาท คาดว่าสายธุรกิจนี้จะสร้างรายได้ให้กลุ่มสามารถถึง 10,000 ล้าน ใน 3 ปีข้างหน้า เพราะนอกจากจะมีรายได้ประจำจาก บริษัท แคมโบเดีย แอร์ทราฟฟิค เซอร์วิสเซส จำกัด และบริษัท กัมปด พาวเวอร์แพลนท์ ในประเทศกัมพูชาแล้ว ยังมีโอกาสในการสร้างรายได้ประจำจากโครงการที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานและบริการสาธารณูปโภคอีกด้วย

“เรามั่นใจว่าปี 56 จะเป็นโอกาสทองของกลุ่มสามารถในการสร้างรายได้และกำไรแบบก้าวกระโดด ด้วยความต้องการของตลาดและความพร้อมของกลุ่มสามารถในการนำเสนอเทคโนโลยีที่รอบด้าน มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ปี 56 ที่วางไว้ 30,000 ล้านบาท” นายวัฒน์ชัย กล่าวปิดท้าย

“กลุ่มบริษัทสามารถ” มุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการด้านเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่างครบวงจร ภายใต้บริษัทในเครือกว่า 20 บริษัท และมี 3 บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน)

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net