แรงขับเคลื่อน 4 ประการหลัก จะส่งผลต่อการใช้จ่ายและเติบโตของอุตสาหกรรมไอซีทีไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--ไอดีซี

ความท้าทายหลายประการที่มาจากสภาพเศรษฐกิจและรูปแบบความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย (ตลาดไอซีที) อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวและความต้องการสินค้าประเภทอุปกรณ์พกพาในกลุ่มสมาร์ทดีไวซ์ (Smartdevices) และรูปแบบการให้บริการด้านไอซีทีที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ก่อให้เกิดการปรับตัวทั้งจากฝั่งผู้ประกอบการ (SMB) ผู้ให้บริการด้านไอที รวมถึงผู้บริโภคทั้งระดับองค์กรและรายย่อย ในด้านการเลือกซื้อสินค้าและบริการเหล่านี้ ก่อให้เกิดแนวคิดโมบิลิตี้ควบรวมกับกระแสคอนซูเมอร์ไรเซชั่น (IT Consumerization) อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ไอดีซีเชื่อว่า การเติบโตและการใช้งานทางด้านไอซีทีของประเทศไทยในปีนี้ จะมาจากแรงขับเคลื่อนหลักทั้ง 4 ประการ ได้แก่ คลาวด์ โมบิลิตี้ โซเชียล บิซิเบส และ บิ๊กดาด้า นายอรรถพล สาธิตคณิตกุล ผู้จัดการฝ่ายงานวิจัยและที่ปรึกษาประจำประเทศไทย (IDC Asia/Pacific's Research Manager for Cross products & Consulting) เผยว่า “ในปี 2556 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่อุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศยังคงถูกท้าทายจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะมาจากแรงขับเคลื่อนหลักด้านโมบิลิตี้ทั้งจากผู้บริโภคและกลุ่มองค์กร รูปแบบการดำเนินธุรกิจขององค์กรได้ส่งผลต่อการใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งการแข่งขันการให้บริการโทรคมนาคมภายใต้การสื่อสารแบบ 3G ที่จะเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการเติบโตในอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศไทยด้วยกันทั้งสิ้น” ตัวเลขการคาดการณ์ล่าสุดของไอดีซีแสดงให้เห็นว่าตลาดไอซีทีของไทย (นับรวมทั้งไอที และโทรคมนาคม) น่าจะสามารถเติบโตได้ถึง 9.8% โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 21 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2556 ไอดีซีได้ใช้ข้อมูลที่ได้จากงานศึกษาวิจัยล่าสุด ประกอบกับข้อมูลที่ได้จากการระดมสมองของนักวิเคราะห์ทั้งที่ประจำประเทศไทยและประจำภูมิภาค มาจัดทำเป็นงานวิจัยเรื่องการคาดการณ์ถึงแนวโน้มสำคัญ 10 ประการที่จะส่งผลกระทบมากที่สุดต่อทิศทางของอุตสาหกรรมไอซีทีในประเทศไทยโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. การใช้จ่ายด้านไอซีทีของประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งแม้ว่าจะถูกท้าทายจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ การใช้จ่ายและการลงทุนด้านไอซีที ในปี 2556 จะได้รับแรงหนุนจากตลาดในกลุ่มองค์กร (Enterprise market) เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และได้รับอานิสงค์จากกลุ่มผู้บริโภค (Consumer market) เช่นกัน โดย 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงใช้จ่ายด้านไอซีอย่างต่อเนื่องได้แก่ อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมโทรคมนาคม และกลุ่มงานภาครัฐฯ จะได้เห็นจากการลงทุนด้านโซลูชั่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยการใช้จ่ายด้าน hardware ยังคงเป็นส่วนประกอบหลักในปีนี้ อย่างไรก็ตามกลุ่มองค์กรเองยังต้องเผชิญกับการรับเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ ใช้ ได้แก่ บิ๊กดาต้าและอานาไลติก (Big data and analytic) หรือเทคโนโลยีคลาวน์ ภาครัฐฯเองก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องด้านระบบสารสนเทศที่จะติดต่อกับโครงการ Government Cloud (G-cloud) และ Government Information Network (GIN) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนสมาร์ทไทยแลนด์ (Smart Thailand) นอกจากนี้การเติบโตด้านไอซีทีในปีนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนด้านโครงข่าย 3G และโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ไอดีซีคาดการณ์ว่ามูลลาดรวมไอซีทีทั้งหมดของไทยจะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 9.8% ไปสู่ระดับ 21 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้ โดยมูลค่าการใช้จ่ายเฉพาะด้านไอทีจะอยู่ที่ประมาณ 12.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ 2. บริการข้อมูลไร้สายยังเป็นดาวเด่นของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ไอดีซีคาดการณ์มูลค่าตลาดการสื่อสารและโทรคมนาคมของประเทศไทยในปี 2556 ว่าบริการด้านข้อมูลไร้สายยังคงมีการเติบโตที่สดใส เนื่องมาจากการให้บริการข้อมูล ผ่านโครงข่ายไร้สาย (Wireless network) จากผู้ให้บริการหลักที่มีปริมาณความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริการข้อมูลผ่านโครงข่าย 3G อย่างเต็มรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ไอดีซีคาดว่าการเติบโตในปีนี้จะสูงกว่า 14% โดยมีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ การเติบโตของอุปกรณ์ประเภทสมาร์ทดีไวซ์ ยังถือเป็นแรงกระตุ้นหลักให้ปริมาณความต้องการใช้ข้อมูลผ่านโครงข่ายไร้สายให้สูงขึ้นอีกด้วย 3. รูปแบบใหม่ของการให้บริการไอทีแบบครบวงจรจากกลุ่มผู้ประกอบการ ในตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าบริการด้านไอที (IT Services) ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่มีการใช้จ่ายเป็นอันดับที่ 2 รองจากการใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์และอุปกรณ์ด้านการเครือข่าย (IT hardware and networking system) และสามารถใช้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักในการประเมินความเป็นมืออาชีพรวมถึงความสามารถในการให้บริการจากฝั่งผู้ประกอบการด้านการให้บริการติดตั้งระบบแบบครบวงจร (IT Services Provider and System Integrator) รูปแบบการให้บริการในปีนี้จะเปลี่ยนจากกลุ่มงานบริการที่ผูกติดกับอุปกรณ์ มาสู่รูปแบบการนำเสนอบริการที่เน้นคุณค่าของกระบวนการทางธุรกิจ และตอบโจทย์ทางธุรกิจมากขึ้น โดยลดความสำคัญของการให้บริการแบบบำรุงรักษาระบบทั่วไปลงเนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดและไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ดังนั้นการสร้างมูลค่าในการให้บริการใหม่ ๆ ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อทั้งผู้ให้บริการเองในแง่ของการสร้างมูลค่าเพิ่มในการให้บริการ ตัวอย่างโมเดลของรูปแบบการให้บริการแบบใหม่นั้นรวมถึง Outsourcing 3.0 การดำเนินกลยุทธ์การให้บริการบริหารจัดการอุปกรณ์ที่มาจากผู้ผลิตและสภาพแวดล้อมในการใช้งานที่ต่างกัน (Multi-vendors management service) หรือแม้กระทั่งการนำเสนอบริการดูแลระบบแบบเหมารวมทั้งอุปกรณ์โดยที่ลูกค้าองค์กรสามารถเรียกใช้บริการได้ตามความจำเป็น เป็นต้น ในปี 2556 นี้ ไอดีซีคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดบริการด้านไอทีในประเทศไทยจะเติบโตได้ถึง 14.2% และมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ 4. สิ้นสุดยุคแห่งการเติบโตที่แข็งแกร่งของพีซี เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือเดสก์ท็อป และ เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลแบบพกพกหรือแล็ปท็อป เคยเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคลที่มียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาช้านาน แต่ในทุกวันนี้จะต้องหลีกทางให้กับอุปกรณ์พกพาที่เกิดใหม่ทั้งสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ไอดีซีเชื่อว่า ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ตลาดพีซีในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างยากลำบาก โดยการเติบโตของตลาดพีซีตั้งแต่ปี 2556 นั้นมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเหมืนในปีที่ผ่านมา และอาจจะถึงการเติบโตแบบติดลบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายพีซีต้องปรับตัวใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาฐานตลาดเดิมของตนไว้ ไอดีซีคาดการณ์ตลาดพีซีของประเทศไทยในปี 2556 จะขยายตัวน้อยกว่า 4% โดยมียอดจัดส่งเพียงแค่ 4 ล้านเครื่องเท่านั้น 5. Mobile OS: ตลาดสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตจะกลายเป็นสมรภูมิรบใหม่ ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตได้ทำให้ตลาดของดีไวซ์เหล่านี้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ไอดีซีคาดการณ์ว่าด้วยแรงซื้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความพร้อมของการให้บริการ 3G จะทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2556 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้สูงถึง 40% ด้วยยอดจัดส่งทั้งหมด 7.3 ล้านเครื่อง ส่วนตลาดแท็บเล็ตเองก็มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราใกล้เคียงกัน ซึ่งหมายถึงยอดจัดส่งทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเครื่องในปีนี้ ด้วยกำลังซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มาพร้อมกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ในหมู่ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย โดย เฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกระบบปฏิบัติการณ์มากกว่าจะมองที่ความ สามารถของฮาร์ดแวร์เพียงประการเดียว ในปี 2556 ไอดีซีเชื่อว่าระบบปฏิบัติการณ์ไอโอเอส (iOS) และแอนดรอยด์ (Android) จะต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภค ส่วนระบบปฏิบัติการที่เกิดใหม่อย่างวินโดวส์โฟน 8 (Windows Phone 8) และแบล็กเบอร์รี 10 (Blackberry 10) จำเป็นจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อหาพื้นที่ในตลาดเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ซึ่งแต่ละระบบปฏิบัติการก็ต้องประสบกับความท้าทายที่แตกต่างกัน ไอโอเอสจำเป็นต้องปกป้องฐานผู้บริโภคเดิมในขณะที่แอนดรอยด์และวินโดวส์ จำเป็นต้องรุกเพื่อดึงส่วนแบ่งตลาดจากไอโอเอส มากขึ้น ส่วนแบล็กเบอร์รีต้องพยายามกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งเพื่อเป็นทางเลือกที่ 3 รองจากระบปฏิบัติการยอดนิยมอย่างไอโอเอสและแอนดรอยด์ ไอดีซีเชื่อว่า การแข่งขันที่สูงขึ้นนี้ จะทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ในแง่ของความหลายหลายของสินค้าและราคาที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องวางกลยุทธ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการเพิ่มความร่วมมือกับผู้จำหน่ายในประเทศเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด 6. ความนิยมของสมาร์ทดีไวซ์ (Smartdevices) เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการใช้งานดิจิตอลคอนเท็นต์ กระแสความนิยมของสมาร์ทดีไวซ์ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์พกพาแบบแท็บเล็ตได้ส่งผลต่อการใช้งานสื่อดิจิตอลคอนเท็นต์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอนเท็นต์แอพพลิเคชั่นทางด้านธุรกิจ ด้านสันทนาการ ไปจนถึงคอนเท็นต์แอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล จากผลการศึกษา Consumerscape 360 ระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของไอดีซีในปลายปี 2555 ที่ผ่านมาพบว่า ทั้งกลุ่มผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกว่า 55% นิยมดาวน์โหลดคอนเท็นต์แอพพลิเคชั่นประเภทเกมส์มากเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือแอพพลิเคชั่นประเภทโซเชียลเน็ตเวิร์ค และเพลง เป็นอันดับที่สองและสาม ในขณะที่คอนเท็นต์แอพพลิเคชั่นด้านการเดินทาง และการถ่ายรูปได้รับความนิยมน้อยที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับความนิยมของผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ในประเทศไทยที่พบว่า ส่วนใหญ่นิยมใช้งานคอนเท็นต์แอพพลิเคชั่นประเภทโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นลำดับต้น ๆ ซึ่งความนิยมนี้ได้ส่งผลต่อการเติบโตของปริมาณการใช้ข้อมูลจากผู้บริโภคและองค์กร 7. Consumerization to personal ecosystem: สภาพแวดล้อมส่วนบุคคลผ่านสมาร์ทดีไวซ์ ปี 2555 ที่ผ่านมา กระแสการใช้งานอุปกรณ์ประมวลผลส่วนบุคคลโดยเฉพาะสมาร์ทดีไวซ์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานในองค์กรนั้น ถือว่าได้รับความนิยมอย่างสูง หลายองค์กรเองได้กำหนดนโยบายการนำอุปกรณ์ส่วนตัวเหล่านี้มาติดต่อกับระบบไอทีขององค์กรได้อย่างดีเยี่ยม และมีส่วนช่วยในการเพิ่มศักยภาพในการทำงานที่ยืดหยุ่นและทันต่อการสนองตอบทางธุรกิจมากขึ้น ในปี 2556 นี้ แนวคิดการประยุกต์การใช้งานในลักษณะ Consumerization มิได้ลดลงเลย แต่กลับกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ใช้งานส่วนบุคคลหรือผู้บริโภค (consumer / personal user) ได้ใช้สมาร์ทดีไวซ์เพื่อการจัดการภาระงานและกิจกรรมส่วนบุคคลอันหลากหลาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน 1 เครื่องสามารถเป็นได้ทั้งอุปกรณ์จดบันทึก อุปกรณ์สื่อสารทั้งข้อมูลและเสียง ฟังเพลง แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน หรือการเข้าถึงข้อมูลมัลติมีเดียในชีวิตประจำวัน เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้บริโภคเองยังได้มองหาอุปกรณ์เสริมตัวที่สองหรือพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับตนเองเพื่ออำนวยความสะดวกหรือสนับสนุนการทำงาน หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์แต่ละประเภทเข้าด้วยกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภายใต้สถาพแวดล้อมที่สามารถควบคุมได้จากเจ้าของอุปกรณ์เหล่านี้ อาทิ การฝากข้อมูลหรือการหาพื้นที่ออนไลน์ในการเก็บหรือสำรองข้อมูล (Online –virtual storage) ส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ สมาร์ทดีไวซ์ประเภทต่าง ๆ ที่ตนเองครอบครองอยู่ หรือแม้กระทั่งการหาพื้นที่เสมือนในการแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานในกลุ่มเดียวกัน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดได้แก่ การสร้างเครือข่ายระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ กับระบบคลาวน์ เพื่อประโยชน์ในการสำรองและถ่ายเทข้อมูล หรือการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องเล่นมัลติมีเดียโดยผ่านช่องทางบลูทูชเพื่อเก็บเป็นโปรไฟล์ส่วนบุคคล พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นตามปรกติในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ใช้สมาร์ทดีไวซ์ในปี 2556 8. การเติบโตของคลาวน์ในประเทศยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องควบคู่กับความท้าทายหลายประการ แม้ว่าสถานการณ์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคลาวน์รวมถึงบริการคลาวน์ภายในประเทศยังคงเป็นไปค่อนข้างช้าเนื่องมาจากความกังวล 2 ประการได้แก่ ระบบรักษาความปลอดภัยในการใช้งาน และความปลอดภัยของข้อมูล จะเป็นปัจจัยหลักในการเลี่ยงจากกการใช้งานคลาวน์เต็มรูปแบบ ไอดีซียังคงเชื่อว่า การให้บริการคลาวน์ยังคงเกิดขึ้นในประเทศต่อไป โดยรูปแบบจะเป็นการให้บริการในลักษณะ Public Cloud มากขึ้นจากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้โครงการการลงทุนระบบคลาวน์ภาครัฐฯ หรือ Government Cloud ที่จะนำมาเป็นส่วนเทคโนโลยีหลักในการให้บริการภาครัฐฯ เอง ก็เป็นแรงผลักดันอีกประการหนึ่ง ที่จะช่วยกระตุ้นส่งเสริมให้เกิดความมั่นใจในการใช้งานเทคโนโลยีประเภทนี้ ส่วนรูปแบบการใช้งานของคลาวน์ในประเทศในปีนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ Application-as-a-Service (AaaS) ได้แก่ แอพพลิเคชั่นด้าน Collaboration และ Productivities เป็นหลัก 9. การตอบรับจากกลุ่มองค์กรต่อความต้องการโซลูชั่นที่ผนวกโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที กระแสของ Converged solution นั้นเริ่มมีให้เห็นอย่างชัดเจนมากขึ้นในอุตสาหกรรมไอที และผู้ใช้งานระดับองค์กรได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการปรับให้ converged solution เหล่านี้ ผู้ให้บริการระบบจึงมีความพยายามที่จะนำเสนอ consolidated solution เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการและควบคุมทรัพยากรด้านไอที โดยโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีนั้นกำลังก้าวไปไกลกว่าเพียงแค่ระบบเน็ตเวิร์คเพียงอย่างเดียว บรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องแม่ข่าย อุปกรณ์การจัดเก็บข้อมูล อุปกรณ์เน็ตเวิร์คและซอฟท์แวร์เองต่างก็พยายามนำเสนอโซลูชั่นแบบหนึ่งเดียวที่ได้รวมเอาโซลูชั่นปลีกย่อยตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอพพลิเคชั่นซึ่งสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้ใช้งานระดับองค์กร ด้วยระดับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าองค์กรในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตนจากสถานการณ์ที่ไม่คาดดิค ได้กดดันให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ต้องนำเสนอโซลูชันที่สามารถทำงานประสานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและพร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการอันหลากหลายขององค์กรต่างๆ ไอดีซีคาดการณ์ว่า ตลาดระบบโครงสร้างพื้นฐานจะขยายตัวได้ประมาณ 11% ในปี 2556 โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือการผนวกระบบรักษาความปลอดภัยเข้าไปเป็นหนึ่งโซลูชั่นที่จะนำเสนอให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กร 10. ระบบการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big data and Analytics) ยังคงสร้างกระแสในอุตสาหกรรมไอที บิ๊กดาต้าได้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านไอทีในช่วงที่ผ่านมา และได้กลายเป็นหัวข้อสามัญที่เหล่าองค์กรต่างๆ ต้องหยิบยกขึ้นมาอภิปรายอยู่เสมอๆ ผู้ผลิตสินค้าและบริการด้านไอทีเองก็มีส่วนในการสร้างความตระหนักถึงการมาถึง และการใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า อนึ่งความต้องการที่จะใช้ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และ ซับซ้อน เริ่มเกิดขึ้นในองค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรขนาดกลางได้เริ่มพิจารณาถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกันระบบการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงและซับซ้อน จะกลายเป็นกลไกสำคัญในกระบวนการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลเพื่อให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลให้ได้สูงสุด กระบวนการคอนซูเมอร์ไรเซชันของสมาร์ทโฟนและแท็ปเล็ต ประกอบกับการที่องค์กรต่างๆ ได้อนุญาตให้พนักงานเข้าถึงแอปพลิเคชันผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ ได้ทำให้ไอดีซีเชื่ออว่าตลาด Information Management Analytics จะสามารถเติบโตได้ถึง 12% ในปี 2556 เกี่ยวกับไอดีซี ไอดีซี บริษัทที่ปรึกษาและให้บริการวิจัยข้อมูลการตลาดชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โทรคมนาคม และ คอนซูเมอร์เทคโนโลยี โดยนำเสนอข้อมูลจากการวิเคราะห์เจาะลึก ให้แก่ผู้เชี่ยวชาญด้าน ไอที ผู้บริหาร และ นักลงทุน ให้สามารถนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจจัดซื้อเทคโนโลยีและกำหนดกลยุทธ์ ทางธุรกิจ ปัจจุบัน ไอดีซี มีนักวิเคราะห์มากกว่า 1,000 คน ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูล และ ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์อย่างรอบด้านแก่ลูกค้าในเรื่องเทคโนโลยี รวมถึงโอกาสทางธุรกิจ และ แนวโน้ม ของอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และ ในแต่ละประเทศ มากกว่า 110 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ และ ความ เชี่ยวชาญที่สะสมมามากว่า 47 ปี ไอดีซีได้ให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์เพื่อช่วยให้ลูกค้าบรรลุทุกวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ ไอดีซี เป็นบริษัทในเครือของไอดีจี ซึ่งดำเนินธุรกิจสื่อสารเทคโนโลยีวิจัย และ จัดงานสัมมนาชั้นนำระดับโลก ค้นหาข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่ www.idc.com -กภ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวเทคโนโลยีสารสนเทศ+อุตสาหกรรมไอซีทีวันนี้

efin Group หนุน "บัณฑิตพันธุ์ใหม่" ม.พะเยา ร่วมงาน "ICT Open House" เป็นกรรมการตัดสินนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล

บริษัท ออนไลน์แอสเซ็ท จำกัด หรือ efin Group ร่วมเป็นหนึ่งในพันธมิตรภาคอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเรียนรู้ของนิสิตภายใต้ "โครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่" หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา พร้อมร่วมกิจกรรม "ICT Open House" ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 22 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่ง นายรัชชานนท์ อุ่นหนู นักพัฒนาซอฟต์แวร์อาวุโส ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานนิสิต ซึ่งนับเป็นการเปิดเวทีให้นิสิตได้

งานมหกรรม CIFTIS 2025 งานมหกรรมการค้าภาคบ... งานมหกรรม CIFTIS 2025 ปิดฉากอย่างสวยงาม บรรลุข้อตกลงกว่า 900 ฉบับ มุ่งเน้นด้านนวัตกรรมดิจิทัล — งานมหกรรม CIFTIS 2025 งานมหกรรมการค้าภาคบริการนานาชาติจีน ...

สำนักประชาสัมพันธ์เขตกังเป่ย เมืองกุ้ยกัง... เขตกังเป่ย เมืองกุ้ยกัง เร่งผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าสู่ตลาดโลก — สำนักประชาสัมพันธ์เขตกังเป่ย เมืองกุ้ยกัง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานอุตสาหกรรมแล...