ไทยบิสป้าเดย์ชี้ช่องศูนย์บ่มเพาะและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย เผยแนวทางรัฐสนับสนุนให้เอสเอ็มอีใช้งานวิจัยมากขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--ISMORE and Communication

ไทยบิสป้าเดย์ชี้ช่องศูนย์บ่มเพาะและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย เผยแนวทางรัฐสนับสนุนให้เอสเอ็มอีใช้งานวิจัยมากขึ้น เล็งดึงคนวิทยาศาสตร์เคลื่อนย้ายโดยเสรี ดันมหาวิทยาลัยภูมิภาคเป็นฐานการวิจัยท้องถิ่น ยันแนวโน้มศูนย์บ่มเพาะไปได้สวย ชี้หลายปัจจัยเข้ามาเอื้อ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจะนำพาประเทศไทยให้นำไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีและใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์เชิงพาณิชย์นั้นมีความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาค่อนข้างต่ำและไม่เพียงพอ นักวิจัยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ขาดการเชื่อมโยงระหว่างภาคสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม จึงทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้ การผลิตคนของไทยยังไม่ดีพอทำให้ขาดบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และตัวนักวิจัยเองขาดแรงจูงใจในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยแนวทางการพัฒนาที่รัฐบาลจะเข้าไปส่งเสริมนั้นจะประกอบด้วย การเน้นให้เกิดการลงทุนเพื่อการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น สนับสนุนกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแก่ SMEs โดยเพิ่มช่องทางการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงการมอบทุนวิจัยและพัฒนาให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังจะพัฒนากิจกรรมการวิจัยและพัฒนา และทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น โดยสร้างกลไกการเชื่อมโยงระหว่างภาคสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม การกระตุ้นให้มีการนำผลงานวิจัยมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่สำคัญและเร่งด่วนก็คือ ต้องส่งเสริมให้มีการเคลื่อนย้ายบุคลากรที่มีความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งระหว่างประเทศ และภาครัฐและเอกชน (Talent Mobility) รวมถึงสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ และพัฒนามาตรการจูงใจรวมถึงบริการต่างๆ เช่น สร้างวัฒนธรรมการเป็นผู้ประกอบการ มาตรการจูงใจทางภาษี ในแนวทางการพัฒนาครั้งนี้ อุทยานวิทยาศาสตร์ และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ จะเป็นกลไกที่สำคัญในการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสามารถอำนวยความสะดวกในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนการก่อตั้งบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเป็นพื้นฐานและมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ โดยผ่านกลไกของการบ่มเพาะธุรกิจ ซึ่งโดยมากจะอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ สามารถดึงดูดการลงทุนของบริษัทที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงชั้นนำจากทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสร้างคลัสเตอร์ที่มีพลังที่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างก้าวกระโดด รวมถึงเข้ามาส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยวิจัยและบริษัท และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบริษัท จาการร่วมมือทำวิจัย การเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้านวิจัย และประโยชน์อื่นๆ จากการร่วมใช้พื้นที่ ที่สำคัญยังกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ที่นำไปสู่ความเชื่อถือไว้วางใจซึ่งกันและกัน ที่จำเป็นต่อการสร้างความร่วมมืออย่างยั่งยืน นอกจากนั้นยังช่วยสร้างความเป็นหุ้นส่วน เช่น บริษัทอาจให้ทุนการศึกษา หรือจ้างงานนักศึกษานอกเวลาเรียน หรือจ้างอาจารย์เป็นที่ปรึกษา และสุดท้ายเป็นแหล่งสร้างงาน เป็นตลาดงานวิจัย สำหรับแผนการขยายความเจริญออกสู่จังหวัดต่างๆ ยังสามารถใช้กลไกอุทยานวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยภูมิภาค ซึ่งมีทั้งองค์ความรู้ บุคลากร ผู้เชี่ยวชาญ สามารถเป็นศูนย์กลางของการบริหารในเชิงการพัฒนาในภูมิภาค โดยจัดให้มีเป้าหมายในการพัฒนาที่ชัดเจน และมีการพัฒนาในรูปแบบคลัสเตอร์ที่สำคัญและเหมาะสมต่อพื้นที่ จากข้อมูลในปี 2553 ประเทศไทยมีสัดส่วนของแรงงานในภาคเกษตรสูงถึงร้อยละ 40 แต่สามารถสร้างมูลค่าผลิตผลได้เพียงร้อยละ 12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เท่านั้น ขณะที่ข้อมูลจากสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่าภาระหนี้ของเกษตรกรไทยสูงขึ้นจาก 1.13 ล้านครัวเรือนในปี 2523 เป็น 4.26 ล้านครัวเรือนในปี 2550 เนื่องจากขาดความสามารถด้านเทคโนโลยี อาทิ การบริหารจัดการฟาร์ม การลดต้นทุน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนาคุณภาพผลผลิต การเกษตรอินทรีย์ และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (climate change) ปัจจุบันประเทศไทยมีสัดส่วนการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาเพียงร้อยละ 0.25 ของ GDP และเป็นการลงทุนจากภาคเอกชนร้อยละ 40 โดยประมาณ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม สรุปว่า ประเทศไทยยังขาดทั้งเทคโนโลยี ขาดการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาและขาดนักวิจัย เมื่อเทียบกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมี GDP ใกล้เคียงกัน แต่มีสัดส่วนการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาสูงกว่าเกือบ 6 เท่า และมีบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาสูงกว่าเกือบ 2 เท่า ในปี 2555 ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันลดลง การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันโดย IMD (International Institute for Management Development) ในรายงานชื่อ The World Competitiveness Yearbook (WCY) ประจําปี 2555 แสดงให้เห็นว่า จากผลการสำรวจ 59 ประเทศ ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันโดยรวมเป็นอันดับที่ 27 ในปี 2554 และลดลงเป็นอันดับที่ 30 ในปี 2555 โดยโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี (Technological infrastructure) อยู่ในอันดับที่ต่ำมาก คืออันดับที่ 50 และโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ (Scientific infrastructure) ก็อยู่ในอันดับที่ต่ำเช่นกัน คืออันดับที่ 40 ประเทศไทยยังคงพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติ ประเทศไทยมีรายจ่ายด้านเทคโนโลยีมากกว่ารายรับ และมีแนวโน้มว่าส่วนต่างดังกล่าวจะมากขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลการจดสิทธิบัตรในประเทศไทยในปี 2554 พบว่า มีเพียงร้อยละ 6 เท่านั้นที่เป็นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมของคนไทย ที่เหลืออีกร้อยละ 94 เป็นสิทธิบัตรของต่างชาติ ศ.ดร.ชัชนาถ เทพธรานนท์ นายกสมาคมหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและอุทยานวิทยาศาสตร์ไทย หรือ Thai-BISPA เปิดเผยว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยได้มีพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับอุทยานวิทยาศาสตร์และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจเกิดขึ้นหลายเรื่องหลายมิติ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความสนใจอย่างจริงจังมากขึ้นในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีในภาคเอกชน ที่สำคัญคือ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคทั้งสามภาคได้ส่งข้อเสนอขอรับการสนับสนุน ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินของสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.), โครงการอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมด้านอวกาศ (Space Krenovation Park: SKP) ได้จัดทำร่างแผนแม่บทเสร็จสิ้น, Amata Science City ได้จัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) และวางแผนธุรกิจ, อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอยู่ในช่วงสุดท้ายของการก่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 120,000 ตารางเมตร จากการที่สมาคมฯ ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานสากลต่างๆ ในวงการ เช่น infoDev Incubator Support Center เครือข่าย Asia Pacific Incubation Network (APIN) ธนาคารโลก หน่วยงานของประเทศจีน หน่วยงานของประเทศเกาหลี ฯลฯ ในการฝึกอบรมระยะสั้นและระยะยาว ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งในปี พ.ศ. 2555 ที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้เริ่มจัดฝึกอบรมผู้บริหารและบุคลากรหน่วยบ่มเพาะธุรกิจอย่างจริงจังตามหลักสูตรของ infoDev (World Bank) โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวในการฝึกอบรม ทั้งระดับเบื้องต้น ระดับกลาง และระดับสูง การสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจของไทยต่อไป เรื่องที่น่าภาคภูมิใจในปี 2555 คือ ความสำเร็จของผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลระดับสากลกว่า 30 ราย เช่น บริษัท ไฮกริม เอ็นไวรอนเมนทอล แอนด์ รีเสิร์ช, บริษัท อินโนเวชั่น พลัส, บริษัท เซ็นเซอร์บิวเดอร์, บริษัท ไทย เด็นทอล อินเตอร์เนชั่นแนล, บริษัท วี ไบโอ-เทค, และบริษัท โอเพ่นซอร์ส เทคโนโลยี เป็นต้น ในปีนี้ทางสมาคมฯ จะทำทำเนียบผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงทำเนียบผู้ประกอบการที่ได้รับการบ่มเพาะธุรกิจจากหน่วยงานสมาชิกของสมาคม เพื่อเป็นคลังข้อมูลความรู้ให้แก่ประเทศต่อไป นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานได้ดำเนินการในหลายด้านเพื่อส่งเสริมงานวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการอุทยานวิทยาศาสตร์ (สอว.) ได้จัดทำแผนนโยบายและมาตรการสนับสนุนอุทยานวิทยาศาสตร์และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ริเริ่มโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม และเพื่อเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยกับอุตสาหกรรมให้มีความร่วมมือที่ยั่งยืน มีการจัดตั้งกองทุนตั้งตัวได้ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ โดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นผู้ดูแล สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ได้จัดทำข้อเสนอนโยบายระบบทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมกับ International Association of Science Parks (IASP) จัดประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ของภูมิภาคเอเซีย “IASP Asia 2012” ในด้านภาคเอกชน ประเทศไทยเริ่มมีหน่วยบ่มเพาะธุรกิจที่จัดตั้งและดำเนินการโดยภาคเอกชนเกิดเพิ่มมากขึ้น ธนาคารพาณิชย์ให้ความสนใจกับผู้ประกอบการใหม่ และจัดฝึกอบรมให้กับหน่วยบ่มเพาะธุรกิจและผู้ประกอบการใหม่ บริษัทใหญ่ๆ ของไทยประกาศนำธงลงทุนทำงานวิจัยและพัฒนาอย่างทุ่มเท แนวโน้มความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ เป็นโอกาสทองของอุทยานวิทยาศาสตร์และหน่วยบ่มเพาะธุรกิจ ซึ่งจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่จากสถานการณ์ โดยปรับกลยุทธ์ให้ชัดเจนและแหลมคม พัฒนาบุคลากรให้ทันต่อโลกธุรกิจ ขยายเครือข่ายพันธมิตร เร่งดำเนินการด้านการตลาด และสร้างความร่วมมือกับคู่ธุรกิจที่จำเป็น เพื่อก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จ ซึ่งในด้านต่างๆ เหล่านี้ สมาคม Thai-BISPA พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่สมาชิกด้วยบริการที่กว้างขวางและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่: คุณเอริน ภูริคัมภีร์ โทรศัพท์ 0 2564 7000 ต่อ 5300, 0 2564 7701 อีเมล์ [email protected] -นท- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวปลอดประสพ สุรัสวดี+มหาวิทยาลัยภูมิภาควันนี้

“อมตะ-กนอ.” แจงแผนรับมือมวลน้ำ เร่งบริหารจัดการน้ำเต็มประสิทธิภาพ

อมตะ-กนอ. แจ้งแผนบริหารจัดการน้ำภายในและภายนอกนิคมร่วมกับหน่วยงานราชการในพื้นที่ เร่งบริหารจัดการเส้นทางระบายน้ำ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเครื่องผลักดันน้ำกว่า 120 เครื่อง ระดมสูบ 24 ชั่วโมง ลดผลกระทบชุมชนให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ชี้สามารถรับมือมวลน้ำจากอำเภอพนัสนิคมได้ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ตุลาคม) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และนายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จัดงาน Thai Water 2013

บริษัท ยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัดขอเชิญสื่อมวลชนร่วมงานThai Water 2013และร่วมสัมภาษณ์คุณปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี,คุณมนู เลียวไพโรจน์ : ประธานบริษัทยูบีเอ็ม เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด,รศ.ดร. ศิรินทรเทพ เต้าประยูร : ผอ...

คสช.หนุนทุกฝ่ายร่วมแก้ปัญหาผลกระทบด้านสุขภาพจากโรงไฟฟ้าชีวมวล วางโรดแมปขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ

รองนายกฯเดินหน้าเวิร์คชอปดึงทุกหน่วยงานร่วมมือวาง 'โรดแมป' ป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพจากโรงไฟฟ้าชีวมวล หลังพบชาวบ้านในบางพื้นที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นควันจำนวนมาก เร่งจัดทำแผนพลังงานจังหวัด...

คสช.เดินหน้าผนึกทุกภาคีเครือข่าย วาง 'ยุทธศาสตร์ระบบสุขภาวะชุมชน'

มติคสช.ผนึกกำลังยกร่างแผนยุทธศาสตร์ร่วมแห่งชาติ เร่งพัฒนาระบบสุขภาวะชุมชน ในระดับตำบลทุกพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมระดมความร่วมมือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ วิชาการและชุมชน ดำเนินการให้เสร็จภายใน ๑ ปี ก่อนนำ...

รัฐบาลรุกแผนโซนนิ่งพื้นที่เกษตร เรียกประชุมทางไกลผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นหัวหอกระดับพื้นที่หวังปฏิรูประบบการเกษตรของประเทศ

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การจัดประชุมเพื่อมอบนโยบายบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมของประเทศ และการจัดการตลาดสินค้าเกษตรในพื้นที่...

ภาพข่าว: สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ เปิดเทศกาล Double Big Holiday 2013

ฯพณฯ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาล Double Big Holiday 2013 ร่วมกับนายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ ประธานคณะกรรมการ สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ โดยมีนายสิทธิศักดิ์ เหลืองอมร...

สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ จัดงานเปิดเทศกาล Double Big Holiday 2013

สยามพาร์คซิตี้ สวนสยาม ทะเล-กรุงเทพฯ จัดงานเปิดเทศกาล Double Big Holiday 2013 ในวันเสาร์ที่ 16 มีนาคม 2556 เวลา 15.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน ณ...

ครม.หนุนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติวางมาตรการระยะยาว แก้หมอกควันป้องกันผลต่อสุขภาพ

ครม.ไฟเขียวมติ "สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ" หนุนมาตรการแก้ปัญหาหมอกควันระยะยาว หวังป้องกันผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยเน้นสร้างกลไกมีส่วนร่วมภาคประชาชนทุกระดับ ตั้งแต่อำเภอ จังหวัด และคณะกรรมการระดับชาติ...

คสช. ฟันธง มุ่งสานพลังขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนา “ระบบสุขภาพชุมชน” เน้น สุขภาพเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ และอาหารกับสุขภาพ

คสช.ไฟเขียวเดินหน้าแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญของคนไทย เน้นเอาพื้นที่เป็นตัวตั้งมุ่งพัฒนาระบบสุขภาวะชุมชน ทั้งสุขภาวะเด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุ และการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ...