นักละคร ของประชาชน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--มูลนิธิสื่อชาวบ้าน

ประเด็นสำคัญของการพูดคุยในครั้งนั้นน่าจะเริ่มต้นที่นี้ “มากไปกว่าความลื่นไหลของการเล่าเรื่อง ละครที่ดีควรมีคุณค่า อธิบายสังคม และเป็นเรื่องของประชาชน” “ครูอุ๋ย” พรรัตน์ ดำรุง ภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายมันอีกครั้งผ่านหัวข้อ “ต้นทางละครเพื่อประชาชน” ระหว่างกิจกรรม “ทราบแล้ว...เปลี่ยน เวทีสัมมนาองค์ความรู้ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง”ที่มูลนิธิสื่อชาวบ้าน (มะขามป้อม) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดขึ้นเมื่อปลายตุลาคมที่ผ่านมา โดยที่พอจะขมวดปมเรื่องของงานละคร-ชุมชน-และศาสตร์ความเป็นศิลปะว่า ละครที่ดีไม่จำเป็นต้อง Art (เป็นศิลปะ) สูงส่ง จริงอยู่ที่องค์ความรู้ศิลปะแบบตะวันตกเป็นความรู้หนึ่ง แต่เวลาเดียวกันต้องมองให้ออกถึงความรู้ใกล้ตัว เห็นความเป็นไปในชุมชน อะไรที่เป็นรากเหง้า อะไรคือความดี ความงาม สิ่งใดคือวิถีปฏิบัติมาช้านาน และละครของเราจะเข้าไปมีส่วนตรงนั้น เป็นการสร้างมูลค่าของงานที่เข้ากับชุมชนได้ โดยที่นั่นคือมูลค่าความงามที่งดงามไม่แพ้นิยามความงามแบบอื่นใด “คนปากหนาก็งามได้ในแบบของเขา ความงามมันมีองค์ประกอบจากวิถีชีวิตจริง สังคมไทยแยกศิลปะกับวิธีชีวิตจริงไม่ได้ บ้างคนเลี้ยงลูกไปดูลิเกไป หรือนั่งดูงิ้วก็ทานข้าวไปด้วย การชื่นชมศิลปะแบบนี้อาจท้าทายชนชั้นนำ แต่มันดำรงอยู่ในความเป็นจริง” “ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง” ของทุกคนในวงสนทนานั้น จึงไม่ใช่การละเล่นเพื่อตอบโจทย์ของการ “เป็นอื่น” ทำนองลักษณะอ้างอิง ถ่ายทอดเรื่องราวจากวรรณกรรมชั้นเยี่ยม หรือเลียนความสมบูรณ์แบบในทุกๆ กิริยาบท ทว่ามันต้องตอบสนองสังคมที่ “เป็นจริง”ผ่านการสังเกต คลุกคลี เฟ้นหาความงดงามเฉพาะตัว ระคนความมุ่งหวังให้สังคมที่อยู่มีคุณภาพดีขึ้น ประหนึ่งเป็น“ละครประชาชน” จากประชาชนในสังคมเดียวกันเอง “ชุมชนมันควรจะดีขึ้นนะเมื่อได้รับการสื่อสารอย่างจริงใจ เคยมีเด็กในโครงการฯมาถามว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นี้เรียกว่าศิลปินหรือไม่ เพราะเขาไม่ใช่แค่ไปแสดง แต่ต้องไปเป็นส่วนหนึ่งกับชาวบ้าน ไปศึกษาปัญหา ไปร่วมพัฒนาเหมือนเอ็นจีโอ คำถามนี้ครูยังไม่ตอบ เพราะไม่คิดว่าศิลปินจะเกิดขึ้นได้เพราะทำงานแค่3เดือนหรือ3ปี แต่ถ้าเขาทำงานไปเรื่อยๆ คำถามนี้อาจไม่สำคัญก็ได้ แต่พวกเราเชื่อว่าศิลปะที่ดีน่าจะรับใช้สังคม บอกเล่าประเด็นอย่างแยบยล มีศิลปะ ทำให้สังคมมีสาระขึ้น”ครูอุ๋ยว่า ตัวอย่างระหว่างกิจกรรมครั้งนั้น น่าจะเป็นละครเยาวชนเรื่อง “พะยูงต้นเดียว” จากกลุ่มเด็กรักป่า จ.สุรินทร์ ซึ่งสะท้อนความเป็นไปของบ้านเกิดหลังพื้นที่ป่าที่คุ้นเคยถูกรุกล้ำจากขบวนการตัดไม้ และทำให้ต้นพะยูงขนาดใหญ่ประจำหมู่บ้าน ที่แฝงด้วยศรัทธา ความเชื่อ ถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา “แต่มันไม่ใช่การเข้ามาแอบตัดไม้แบบที่เคยได้ยิน เพราะเรื่องนี้ทำเป็นขบวนการ และมีคนในชุมชนได้ประโยชน์จากไม้พะยูงต้นนี้ พวกเขาซื้อคนในชุมชนให้มาร่วมด้วย เริ่มจากทำพิธีอัญเชิญผีตา-ยายที่เฝ้าป่าไป ช่วยดูต้นทาง เจรจากับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จนถึงเอาไม้ต้นนั้นออกไปจากชุมชน” ปอนด์-สุชานันท์ คิดชนะ นักศึกษาชั้นปี1 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม หนึ่งในกลุ่มเด็กรักป่า เล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ณ ต.สำโรง อ.เมือง จ.มหาสารคามบ้านเกิด ประเด็นทีว่าเคยเป็นข่าวสั้นๆตามหน้าสื่อไม่กี่วันก่อนจะเงียบหายไป เกินกว่าเจ็บใจที่สูญเสียคือการนึกไม่ถึงที่คนในชุมชนด้วยกันเองจะเปลี่ยนไป “ละครประชาชน”แบบฉบับกลุ่มเด็กรักป่า จึงหวังอธิบายความซับซ้อนของปัญหา เพราะมากไปกว่าเรื่องของกลุ่มทุนกับชาวบ้านเช่นเก่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม้พะยูงที่ชุมชนรักและหวงแหนต้องจากไป เป็นเพราะคนในชุมชนเดียวกันนี่เองที่เป็น “ไส้ศึก” เอื้อประโยชน์ให้ขบวนการตัดไม้กระทำการสำเร็จ ละคร “พะยูงต้นเดียว”จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจบอกคนในชุมชนให้ตระหนักและชั่งน้ำหนักระหว่างอามิสสินจ้างกับความสูญเสีย “ละครพะยูงต้นเดียว” จึงเป็นทั้งคุณค่าและความงามของพวกเขาที่ส่งผ่านบทละครร่วมสมัยมายังผู้ชมส่วน “เอียด สิทธิพงศ์ สังข์เศรษฐ์ บัณฑิตหนุ่มคนใต้ กลุ่ม “มะนาวหวาน” จ.สงขลา บอกอุดมการณ์ของตัวเองในการทำงานละคร ผ่านหัวข้อ “การเปลี่ยนแปลงหลากมิติจากมุมมองนักปฏิบัติ”ว่า ตลอด2-3ปีที่ทำกิจกรรมมา ความตั้งใจที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยคือการหวังใช้ละครเป็นเครื่องมือเพื่อ “บอกข่าว” ที่เกิดขึ้นในชุมชน “ผมมองว่าเรื่องใหญ่ที่บ้านผมคือมันกำลังจะไม่เหมือนเดิม มันมีข่าวแทบทุกช่วงว่าจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ ทำโรงงานแยกก๊าซ ท่าเรือน้ำลึก และนั่นมันทำให้เราต้องตั้งคำถามไปว่าความไม่เหมือนเดิมแบบนี้เราทำอะไรกับมันได้บ้าง ผมไม่ได้ปฏิเสธความเจริญนะ แต่ระหว่างที่จะทำอยากให้คนในชุมชนเขารู้ด้วย ให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ได้ทำประชาคม เลือกจากข้อมูลผลประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) เสียก่อน ไม่ใช่ให้คนไม่กี่คนมาชี้บอกว่าเราต้องรับกับอะไรบ้าง พวกผมนี่แหละหวังจะเป็นกระบอกเสียงหนึ่งที่จะเรียกร้องสิทธิในส่วนนี้” ละครของกลุ่ม “มะนาวหวาน”จึงอธิบายเรื่องประชาชนปลายด้ามขวานกับการรุกล้ำพื้นที่จากภาคอุตสาหกรรมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เรื่องแล้วเรื่องเล่า ทั้งนี้นั่นก็เพื่อหวังว่าผลงานที่ออกมาจะมีมูลค่าพอจะรับใช้สังคมบ้าง ไม่มากก็น้อยระหว่างทางของนักละครประชาชน จึงเต็มไปด้วยสำนึก ความหวัง สาระ และเสียงหัวเราะจะเป็นศิลปะกี่มากน้อย หรือยังห่างไกลกับคำว่า “ศิลปิน” ก็ช่างมันประไร -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย+มูลนิธิสื่อชาวบ้านวันนี้

จุฬาฯ ผงาดอันดับ Top 44 ของโลกด้านความยั่งยืน ใน THE Impact Rankings 2025 และครองอันดับ 1 ของไทยอีกครั้ง

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยผงาดอันดับ Top 44 ของโลก และครองอันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทยอีกครั้งหนึ่ง จากการจัดอันดับโดย Times Higher Education Impact Rankings 2025 ด้วยผลงานที่โดดเด่นในการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบสูงต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SDG 9 Industry, Innovation and Infrastructure (การพัฒนานวัตกรรม อุตสาหกรรม และโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน) จุฬาฯ ติดอันดับ 1 ในอาเซียน ด้วยคะแนน 99.7 เต็ม 100 การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย THE Impact Rankings 2025 ประ

ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญร... ศูนย์หนังสือจุฬาฯ จัดงาน "CHULABOOK FAIR #2 @SIAMSCPAE" — ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอเชิญร่วมงาน "CHULABOOK FAIR #2 @SIAMSCPAE" ระหว่างวันที่ 27 ...

ร่วมส่งเสริมศักยภาพของดีไซเนอร์ยังก์เจน ป... ยัสปาล กรุ๊ป ต่อยอดแนวคิด "The Power of Next" สนับสนุนงานแฟชั่นโชว์ผลงานธีสิสของ 4 มหาวิทยาลัย — ร่วมส่งเสริมศักยภาพของดีไซเนอร์ยังก์เจน ปูทางสู่วงการแฟชั...

ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ... ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ชวนแข่งบอร์ดเกมชิงรางวัล — ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ Tower Tactic Games จัดการแข่งขัน "Chulabook B-Cup 2025" ขอเชิญ...