ศูนย์วิจัยทองคำชี้นักลงทุนลดสัดส่วนลงทุนทองปี 56 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองยังเชิงลบ

ศูนย์วิจัยทองคำเผย ปีนี้นักลงทุนใช้เงินออมลงทุนทองคำในสัดส่วนเฉลี่ยลดลงเหลือร้อยละ22.31 ลดลงจากปีก่อน เหตุความไม่เชื่อมั่นต่อราคาทองคำในอนาคต ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นทองคำเดือนมิถุนายนยังสะท้อนทัศนคติเชิงลบ หลังราคาปรับตัวลงมาตลอด 5 เดือน มองปัจจัยค่าเงินบาท และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันราคาทองคำ ด้านผู้ค้าทองคำคาดราคาทองคำในตลาดโลกเดือนนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,300 – 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยผลสำรวจสัดส่วนการลงทุนในทองคำกับเงินออมเพื่อการลงทุนของกลุ่มตัวอย่างที่คาดว่าจะลงทุนในทองคำในปี พ.ศ.2556 กับที่เคยลงทุนในปี พ.ศ. 2555 พบว่า กลุ่มตัวอย่างคาดว่าจะลดสัดส่วนการลงทุนทองคำเหลือเฉลี่ย 22.31% ในปี พ.ศ.2556 ขณะที่สัดส่วนการลงทุนในทองคำเฉลี่ยปี พ.ศ. 2555 อยู่ที่ 34.33% ลดลง 12.02% ที่น่าสนใจคือในกลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าจะลงทุนในปีนี้ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของเงินลงทุนกว่าร้อยละ 67.51 ของกลุ่มตัวอย่าง และร้อยละ 16.98 คาดว่าจะไม่ลงทุนในทองคำเลยในปีนี้ โดยสาเหตุของการลงทุนของเงินออมที่ลดลงนั้น เกิดจากการความไม่แน่นอนของราคาทองคำ หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง 5 เดือนติดต่อกัน ขณะที่กลุ่มผู้ค้าทองคำแนะนำให้ลงทุนเฉลี่ยประมาณ 10-20% ของเงินลงทุน ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำ (Gold Price Sentiment Index) ช่วงเดือนมิถุนายน 2556 ว่า ค่าดัชนีมีค่าต่ำกว่าระดับมาตรฐานที่ระดับ 50 จุดค่อนข้างมาก ทั้งดัชนีรวม ดัชนีเฉพาะกลุ่มนักลงทุน และดัชนีเฉพาะกลุ่มผู้ค้าทองคำโดยมีค่าดัชนี 32.91, 31.39 และ 39.80 จุด ตามลำดับ สะท้อนทัศนคติในเชิงลบ โดยค่าความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือนมิถุนายนมีค่าต่ำกว่าระดับเดือนพฤษภาคม ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าการที่ราคาทองคำมีการปรับตัวลงต่อเนื่องติดต่อกันในช่วง 5 เดือนแรกของปี ทำให้ความมั่นใจว่าราคาทองคำจะสามารถกลับขึ้นไปเป็นเชิงบวกได้อาจจะลดน้อยลง ทั้งนี้ หากแยกตามประเภทของกลุ่มตัวอย่างจะพบว่า กลุ่มผู้ค้ายังมีความเชื่อมั่นต่อราคาทองคำสูงกว่ากลุ่มนักลงทุนแม้จะยังอยู่ในเชิงลบ โดยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเฉพาะกลุ่มนักลงทุนอยู่ที่ 31.39 จุด และดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเฉพาะกลุ่มผู้ค้าอยู่ที่ 39.80 จุด สำหรับปัจจัยที่กลุ่มตัวอย่างเชื่อว่าจะมีผลต่อทิศทางราคาทองคำในเดือนมิถุนายน ได้แก่ ค่าเงินบาท ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และปัญหาเศรษฐกิจยุโรปแต่ให้น้ำหนักค่าเงินบาทสูงสุด โดยร้อยละ 53.39 ของกลุ่มตัวอย่างเชื่อเงินบาทมีผลต่อราคาทองคำในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจความต้องการซื้อทองคำในช่วงหนึ่งถัดไป พบว่า 38.85% ของกลุ่มตัวอย่าง คาดว่าจะซื้อทองคำ ขณะที่ 33.45% คาดว่าจะไม่ซื้อ และ 27.70% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำหรือไม่ ซึ่งค่อนข้างกระจายของความคิดเห็นสะท้อนถึงความไม่แน่ใจที่มีต่อตลาดในอนาคต ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัย เปิดเผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) ที่รวบรวมตัวอย่างจากผู้ค้าส่งทองคำ ประธานชมรมค้าทองคำและผู้ประกอบกิจการนายหน้าการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 15 ตัวอย่าง เชื่อว่า ราคาทองคำในตลาดโลกช่วงเดือนมิถุนายนโดยรวมน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300 – 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ให้น้ำหนักกรอบการเคลื่อนไหวระหว่าง 1,300-1,380 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และ 1,420-1,500 ดอลล่าร์สหรัฐฯต่อออนซ์หากราคาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 96.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดระหว่าง 20,000-21,500 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดกลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักระหว่าง 18,500-20,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีประเด็นค่าเงินบาทและการชะลอมาตรการ QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นประเด็นสำคัญในเดือนมิถุนายน-กภ-

• ข่าวดัชนีความเชื่อมั่นทองคำ
• ข่าวดัชนีความเชื่อมั่น
• ข่าวศูนย์วิจัยทองคำ
• ข่าวศูนย์วิจัยทอง
• ข่าวค่าเงินบาท