LVT ออกโรงย้ำความมั่นใจผู้ถือหุ้น ประกาศเดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง เชื่อมั่นพื้นฐานแข็งแกร่ง ยันไม่ได้รับผลกระทบหลังผู้บริหาร “แฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น” ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัทฯ ขณะที่เจ้าตัวเปิดใจเหตุตัดสินใจลาออก เพราะต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หลังถูกกล่าวหาอินไซเดอร์ เทรดดิ้ง พร้อมส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อเลขาธิการ ก.ล.ต. ขอเปลี่ยนทีมตรวจสอบ-สอบสวน แจงไม่ได้รับความเป็นธรรมในขณะถูกสอบสวน และไม่ได้รับโอกาสให้อ้างอิงทั้งพยานบุคคล-เอกสาร รวมถึงยืนยันไม่ได้กระทำการใดๆ ที่เข้าข่ายอินไซด์ ลั่นไม่ยอมรับข้อกล่าวหา พร้อมประกาศเดินหน้าสู้จนถึงที่สุด
บริษัท แอล. วี. เทคโนโลยี จากัด (มหาชน) หรือ LVT แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2556 โดยที่ประชุมฯ มีมติรับทราบการลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรรมการบริหารและประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ ของนายแฮนส์ จอร์เกน เนียลเซ่น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2556 เป็นต้นไป
นายธนิก ศิริวัฒนประยูร ประธานกรรมการ บมจ.แอล.วี. เทคโนโลยี เปิดเผยว่า การลาออกของ นายเนียลเซ่น จะไม่มีผลกระทบใดๆ กับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แม้ว่า นายเนียลเซ่นจะเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารคนสำคัญของ LVT แต่ด้วยระบบการทำงานที่เป็นมืออาชีพ ประกอบกับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องและยาวนานของทีมงาน รวมถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อบริษัทฯ จะทำให้การทำงานของ LVT หลังจากนี้ เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง ซึ่งขอให้ผู้ถือหุ้นอย่าได้วิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายวิชัย ตันติกุลานันท์ กรรมการผู้จัดการ LVT กล่าวเสริมว่า แม้ว่านายเนียลเซ่น จะลาออกจากทุกตำแหน่งบริหารใน LVT แต่นายเนียลเซ่นก็ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทฯ ต่อไป โดยจะยังทำหน้าที่ให้คำปรึกษา คำแนะนำ รวมถึงทำการตลาดและดูแลลูกค้าให้กับบริษัทฯ ดังนั้น จึงมั่นใจว่า แผนงานต่างๆ ของ LVT จะไม่สะดุดหรือติดขัดแต่อย่างใด
สำหรับการลาออกของนายแฮนส์ จอร์แกน เนียลเซ่น นั้น เกิดขึ้นหลังจากที่เขาถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลภายในเพื่อหาประโยชน์จากการซื้อขายหุ้น (อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งนายเนียลเซ่น ได้เปิดเผยถึงเหตุผลหลักในการตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งบริหารใน LVT ว่า เพราะต้องการออกมาต่อสู้อย่างเต็มที่กับข้อกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง และเพื่อให้บริษัทฯ เดินหน้าดำเนินธุรกิจต่อไป โดยไม่ยึดโยงกับข้อกล่าวหาของตัวเอง
ล่าสุด นายเนียลเซ่น ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อเลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2556 โดยเรียกร้องขอความเป็นธรรมในประเด็นหลักๆ ได้แก่ การไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนและกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่สอบสวนตั้งแต่เช้าถึงเย็นโดยไม่ให้พักรับประทานอาหารกลางวัน เหตุเกิดเมื่อเดือนกันยายน 2555 และไม่ได้อ่านบันทึกคำการให้การให้ฟัง และไม่ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงการที่คณะกรรมการตรวจสอบไม่ให้โอกาสในการอ้างอิงนำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาหักล้างข้อกล่าวหา ทั้งๆ ที่มีพยานบุคคลและพยานเอกสารจำนวนมาก
“ผมส่งหนังสือขอความเป็นธรรมจากเลขาธิการ ก.ล.ต. ได้โปรดแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ชุดใหม่ เพื่อทำการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และให้โอกาสผมในการนำพยานเอกสารและพยานบุคคลมาต่อสู้คดี เพื่อให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริง” นายเนียลเซ่นกล่าว
อดีตผู้บริหารของ LVT กล่าวลำดับเหตุการณ์ย้อนหลังว่า ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 จากนั้นได้เดินทางไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2553 และกลับเข้าทำงานในวันที่ 7 พฤษภาคมปีเดียวกัน ซึ่งในวันดังกล่าว ได้ทำรายการขายหุ้น LVT ที่ถืออยู่ในนามของบุตรสาว เพราะเป็นวันที่หุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD ซึ่งขอยืนยันว่าเป็นการขายตามขั้นตอนปกติ หลังจากที่ได้รับสิทธิในการรับเงินปันผล โดยไม่ได้รับทราบข้อมูลภายในใดๆ ของบริษัทฯ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก่อนจะเดินทางอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
“ผมกลับมาทำงานอีกครั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นวันประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับงบการเงินไตรมาส 1/2553 ว่า LVT มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จากบริษัทตรวจสอบภายนอก พร้อมๆ กับคณะกรรมการบริษัทฯ ท่านอื่นๆ ในวันนั้น จึงเป็นไม่ได้ที่ผมจะล่วงรู้ข้อมูลภายใน เพราะระหว่างนั้นผมเดินทางไปต่างประเทศตลอด ขณะที่ข้อมูลที่ได้รับทราบจากฝ่ายบริหารที่จัดทำประมาณผลการดำเนินงานปี 2553 ที่จัดทำ ณ สิ้นปี 2552 ก็ทราบเพียงว่า บริษัทฯ จะมีกำไรเฉพาะกิจการประมาณ 133 ล้านบาท และมีกำไรรวมบริษัทย่อยประมาณ 183 ล้านบาท โดยไม่มีการรายงานผลการดำเนินงานว่าบริษัทฯ มีแนวโน้มขาดทุนแต่อย่างใด” นายเนียลเซ่นกล่าว
เขาเชื่อว่า ภายหลังการลาออกครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ LVT สามารถทำงานคล่องตัวมากขึ้น ยังเป็นการรักษาชื่อเสียงที่ก่อตั้งมานาน 17 ปี และมีผลงานไม่น้อยกว่า 82 ประเทศทั่วโลก ในส่วนตัวเองก็จะเดินหน้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ โดยยืนยันไม่ยอมรับข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดในข้อหา อินไซเดอร์ เทรดดิ้ง ตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ และจะต่อสู้จนถึงที่สุด
-กภ-