ก้าวสู่การลงทุน มุ่งสู่เป้าหมายที่สูงกว่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--บลจ.ยูโอบี (ไทย)

บลจ.ยูโอบี (ไทย) จับมือกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานเสวนา ก้าวสู่การลงทุน มุ่งสู่เป้าหมายที่สูงกว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ให้กับนักลงทุน เพื่อวิเคราะห์เจาะลึกทุกสินทรัพย์ แสดงวิสัยทัศน์การลงทุน และชี้โอกาสสร้างผลตอบแทน นำโดย นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน พร้อมทีมผู้จัดการกองทุนของแต่ละสินทรัพย์ นาย กรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน ได้ให้มุมมองในภาพรวมเศรษฐกิจโลกว่า จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเงินลงทุนจำนวนมากที่เข้าลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ และภูมิภาคเอเชีย โดยนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในอนาคตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทชั้นนำขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และผลประกอบการ ส่วนที่น่าเป็นห่วงคือภาครัฐและธุรกิจขนาด SME เนื่องจากมีประเด็นในนโยบายด้านภาษี สำหรับยุโรป คาดว่าจะเป็นปีที่สองที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) เพราะทั้งกรีซ และสเปน ยังมีภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ดูได้จากอัตราว่างงานที่ยังสูงถึง 25 % ซึ่งคาดกว่าเศรษฐกิจไม่น่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เศรษฐกิจเอเชียยังถือว่าเติบโตได้ดี การขยายตัวของความต้องการภายในประเทศช่วยทดแทนภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลงได้ การใช้ดอกเบี้ยต่ำและนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุน ซึ่งเห็นได้จากเงินลงทุนต่างชาติยังไหลเข้าตลาดทุนในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นางสาววรรณจันทร์ อึ้งถาวร ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายการลงทุนต่างประเทศ กล่าวถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจรวมทั้งภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในปี 2013 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของตลาดแรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ ในขณะที่ยุโรปยังคงอยู่ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความยืดเยื้อของประเทศไซปรัสในการยอมรับเงื่อนไขจากทางอียูที่ทางรัฐบาลจะต้องขึ้นภาษีเงินฝากครั้งใหญ่ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้คาดการณ์ว่าสุดท้ายแล้วทางไซปรัสน่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับทางอียูได้ แต่จะตามมาด้วยการถอนเงินเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะจากบัญชีธนาคารจากต่างประเทศที่อาจลุกลามต่อในประเทศอื่นๆในยุโรปได้ ส่วนจีนยังมีแนวโน้มฟื้นตัวด้วยปัจจัยสนับสนุนให้ขยายตัวแบบยั่งยืนจากนโยบายการปฏิรูประบบเศรษฐกิจที่เน้นลงทุนในระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อเพิ่มความเป็นเมือง (Urbanization) เพิ่มบทบาทการลงทุนของภาคเอกชน และ การใช้จ่ายภาครัฐด้านสวัสดิการ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังคงมีความเสี่ยงที่จะต้องติดตาม จากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงปรับสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ สำหรับโอกาสการลงทุนที่เรามองเห็นในขณะนี้ คือการลงทุนหุ้นภูมิภาคเอเชียและตราสารหนี้ทั่วโลก นายสิทธิศักดิ์ ณัฐวุฒิ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุนในประเทศ ได้ให้ความเห็นถึงหุ้นไทยว่าตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวต่อเนื่องตั้งแต่เดือน พ.ย. ปีก่อน จากระดับ 1270 จุด ขึ้นมาถึงระดับ 1600 จุด หลังจากจึงได้ปรับตัวลดลงถึง 7.5% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยลบต่างๆ ที่ทำให้นักลงทุนเร่งขายทำกำไร คือ 1) ประเด็นความกังวลสถานการณ์ในไซปรัส 2) การแข็งค่าของเงินบาทที่รวดเร็วและรุนแรง ที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจภาคส่งออก และมาตรการแก้ปัญหาค่าเงินบาทของ ธปท. และ 3) ประเด็นเสถียรภาพทางการเมือง จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีถูกตรวจสอบในคดีที่แจ้งทรัพย์สินไม่ถูกต้อง และกรณีของพรบ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลาง และเห็นว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นรอบนี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และยังมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้เพราะปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเศรษฐกิจ หรือผลประกอบการที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ในระดับที่ดี สภาพคล่องในประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดี ด้านตลาดตราสารหนี้ภายในประเทศ นางสาว ชนิษฎา วีรานุวัตติ์ ผู้อำนวยการอาวุโส หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ในประเทศและตราสารต่างประเทศ ได้กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในช่วงนี้ค่อนข้างมีความผันผวนโดยเฉพาะตราสารหนี้ระยะสั้น สาเหตุหลักจากเงินทุนไหลเข้าประเทศเพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท ซึ่งทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้พิจารณามาตรการเพื่อควบคุมค่าเงินบาทเพื่อมิให้แข็งค่าเร็วจนเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออก ด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับร้อยละ 3 และคาดว่า ธปท.จะคงอัตราดอกเบี้ยในครึ่งปีแรก และอาจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้กล่าวสรุปได้ตอนท้ายว่า เราเชื่อว่านักลงทุนสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยเส้นทางการลงทุนที่หลากหลาย นอกจากจะต้องพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจแล้ว นักลงทุนจะต้องประเมินระดับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ด้วย ทั้งนี้เพื่อเลือกเส้นทางการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน โดย บลจ.ยูโอบี แนะนำนักลงทุนเลือกกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์หลากหลาย จึงขอแนะนำ 4 กองทุนเพื่อเป็นโอกาสนำการลงทุนของท่าน สู่เป้าหมายที่สูงกว่า 1. ลงทุนหุ้นไทย กับ กองทุนเปิด ยูโอบี ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือการขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว 2.ลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ กับ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลบอล บอนด์ ฟันด์ ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลก กองทุนนี้น่าสนใจเพราะการลงทุนในตราสารหนี้ทำได้ในทุกช่วงของวัฎจักรเศรษฐกิจ อีกทั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาตราสารหนี้ภาครัฐทั่วโลกยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย 3.ลงทุนหุ้นภูมิภาคเอเชีย กับ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เอเชีย คอนซูเมอร์ ฟันด์ เน้นลงทุนเฉพาะบริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชีย (ยกเว้นญี่ปุ่น) ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง 4.ลงทุนทองคำ กับ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลด์ ฟันด์ – H ที่เน้นลงทุนในกองทุนรวมทองคำแท่ง SPDR ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และกองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศอีกด้วย (ซึ่งจะปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่ คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด) คำเตือน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนในต่างประเทศ ถึงแม้ว่ากองทุนอาจป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม แต่เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล นโยบายการลงทุน ความเสี่ยงและผลการดำเนินงานของกองทุนก่อนการตัดสินใจลงทุน -กภ-

ข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย+ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศวันนี้

DMT มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG คว้า SET ESG Ratings ระดับ "AA" 2 ปีซ้อน

DMT ได้รับการประเมิน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ด้วยผลการประเมินระดับ AA และอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนติดต่อกันเป็นปีที่ 2 สะท้อนศักยภาพด้านการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืน ตามมาตรฐานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มุ่งยกระดับการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำอุตสาหกรรมคมนาคมขนส่งด้วย Green Road ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่บริษัทฯ ได้รับการประเมินความยั่งยืนโดยตลาดหลักทรัพย์

บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มห... TGE คว้าเรตติ้ง ESG ระดับ A จาก SET ปี 2568 ตอกย้ำผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาดที่เติบโตอย่างยั่งยืน — บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGE ได...

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษ... เอ็ม บี เค คว้าคะแนนการประเมิน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องปีที่ 10 — บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทชั้นนำของประเทศที่เติบโตอย่างมั่นคง มุ่งม...

ตอกย้ำผู้นำ Sustainable Living ขับเคลื่อน... กลุ่มบริษัท "เสนา" ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน "SET ESG Ratings ระดับ A" — ตอกย้ำผู้นำ Sustainable Living ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน กลุ่มบ...

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและปร... "โนเบิล" คว้าเรตติ้งสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก SET ESG Ratings 2025 — นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โ...

บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ... TASCO คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ "AA" — บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568...

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศ... JMART - JMT ยืน SET100 ครึ่งแรกปี 2569 พร้อมตอกย้ำศักยภาพ ESG กลุ่มเจมาร์ทยกระดับคะแนนความยั่งยืน — ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ประกาศรายชื่อหลักทร...

นายนันทิยะ ดารกานนท์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้... WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย — นายนันทิยะ ดารกานนท์ (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายราชันย์ อารยะวงศ์ชัย (ขวา) ประธานเจ้าหน้า...