TTA ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--แฟรนคอม เอเชีย

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (“TTA”) รายงานผลขาดทุนสุทธิจำนวน 257 ล้านบาท และผลขาดทุนต่อหุ้น 0.33 บาท สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 ของรอบปีบัญชี 2556 ระหว่าง 1 มกราคม 2556 ถึง 31 มีนาคม 2556 (2/2556) เปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 205 ล้านบาท และผลขาดทุนต่อหุ้น 0.29 บาท ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก อัตราค่าระวางเรือที่ยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองของโทรีเซนชิปปิ้ง และสินทรัพย์หลักๆ ของเมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) (เมอร์เมด) ไม่ได้ทำงานตามปกติ รายได้รวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 4% มาอยู่ที่ 3,657 ล้านบาท แต่ลดลง 13% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเรือ 4 ลำของเมอร์เมดต้องเข้าอู่เพื่อตรวจสภาพและซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาสนี้ ในไตรมาส 2/2556 บาคองโค ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยและคลังสินค้าในเวียดนาม และเป็นบริษัทในเครือที่ TTA ถือหุ้นทั้งหมด ยังคงโชว์ผลงานได้ดี โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 58% ในขณะที่ บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (“UMS”) ทำผลงานได้ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนเล็กน้อย เนื่องจากยังคงต้องดำเนินกิจการด้วยโรงงานแห่งเดียวจากทั้งหมดสองแห่ง นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า “ผลงานการดำเนินงานในไตรมาสสองที่ค่อนข้างอ่อนตัวของ TTA เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการชั่วคราวเฉพาะในไตรมาสนี้เท่านั้น เนื่องจากมีเรือของเมอร์เมดหลายลำที่ต้องพักการทำงานเพื่อเข้าอู่พร้อมๆ กัน เช่น เรือขุดเจาะ MTR-2 ที่ต้องเข้าตรวจสภาพและซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ไปตลอดทั้งไตรมาส เรือของเมอร์เมดทุกลำจะกลับมาทำงานตามปกติในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งจะทำให้กิจการของธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำและธุรกิจเรือขุดเจาะปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนำไปสู่ผลประกอบการในภาพรวมที่ดีขึ้น” กลุ่มธุรกิจขนส่ง บริษัทเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองทั่วโลกยังคงเผชิญกับสถานการณ์ค่าระวางเรือตกต่ำอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่สองนี้ ดัชนี BDI ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ซึ่งเคยเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 25 ปี) ถึง 8% และยังต่ำกว่าไตรมาสที่ผ่านมาถึง 16% โทรีเซนชิปปิ้ง มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,118 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ 753 ล้านบาทของไตรมาสสองเมื่อปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการหาลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งได้มีการทยอยเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องหลายไตรมาสแล้ว ในไตรมาสสองนี้ โทรีเซนชิปปิ้งบริหารกองเรือจำนวนทั้งสิ้นเฉลี่ย 29.4 ลำ เมื่อเทียบกับ 16.3 ลำของช่วงเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเป็นอย่างมากในไตรมาสนี้ แต่โทรีเซนชิปปิ้งก็ยังมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ระดับ 106 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่ดี เราสามารถหางานที่มีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยสูงกว่ามาตรฐานของกองเรือโดยทั่วไปถึง 19% และยังสามารถควบคุมรักษาต้นทุนไว้ได้ดีมากจนติดกลุ่มท็อป 1 ใน 4 ของอุตสาหกรรมเดินเรือโดยรวม โดยเราสามารถลดค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของเรือลงมาจากไตรมาสก่อนถึง 6% มาอยู่ที่ระดับ 3,986 เหรียญสหรัฐต่อวัน ซึ่งดีกว่าต้นทุนค่าเฉลี่ยของธุรกิจนี้ที่อยู่ที่ระดับ 4,500 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดยปกติช่วงระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม มักจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจเรือบรรทุกแห้งเทกอง ซึ่งอัตราค่าระวางเรือจะค่อยฟื้นกลับมาหลังจากผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว หลังจากผ่านเข้าสู่ไตรมาสที่ 3/2556 มาแล้วครึ่งทาง เราพบว่า อัตราค่าระวางเฉลี่ยสำหรับเรือขนาด Supramax เพิ่มสูงขึ้น16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2556 กลุ่มธุรกิจพลังงาน ภาคธุรกิจการใหบริการนอกชายฝั่งกำลังได้รับอานิสงส์จากช่วงขาขึ้นของวัฏจักรในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยในไตรมาสสองนี้ เมอร์เมดมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,394 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากเรือขุดเจาะท้องแบน MTR-2 ต้องเข้าอู่ซ่อมบำรุงตรวจสภาพครั้งใหญ่ตามกำหนดระยะเวลาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2555 จนถึงเมษายน 2556 จึงทำให้ขาดรายได้ในส่วนนี้ไปตลอดทั้งไตรมาส ในขณะที่ยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาเรือตามปกติ ทั้งนี้ การตรวจสภาพและซ่อมบำรุงได้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเรือ MTR-2 กำลังจะเริ่มกลับไปปฏิบัติงานขุดเจาะอีกครั้งภายใน 1 สัปดาห์นี้ นอกจากนี้ยังมีเรือวิศวกรรมใต้ทะเลอีก 3 ลำ ของเมอร์เมดที่ต้องเข้าอู่ในช่วงไตรมาสนี้ ประกอบด้วย เรือ M.V. Commander และ เรือ M.V. Endeavor ถูกส่งเข้ารับการตรวจสภาพตามกำหนด ในขณะที่เรือ M.V. Asiana ต้องเข้าไปรับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปให้บริการตามสัญญาให้บริการดูแล ซ่อมแซม และสำรวจแท่นขุดเจาะน้ำมันให้กับซาอุดิอรามโค ซึ่งสัญญาฉบับนี้มีระยะเวลา 5 ปีมูลค่า 530 ล้านเหรียญสหรัฐ เมอร์เมดคาดว่า ผลงานในไตรมาสที่ 3 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร เนื่องจากเรือทุกลำจะกลับไปปฏิบัติงานได้ตามปกติ ขณะนี้กองเรือวิศวกรรมใต้ทะเลกำลังทำงานสลับไปมาในหลายน่านน้ำเพื่อให้ได้อัตราค่าจ้างรายวันที่ดีขึ้น โดยเมอร์เมดได้นำเสนอบริการเสริมเพิ่มเติม เพื่อให้ได้สัญญาระยะยาวเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มของธุรกิจเรือขุดเจาะก็ยังสดใส โดยเรือ MTR-1 ยังคงรับงานเป็นเรือที่พัก ส่วนเรือ MTR-2 ก็ได้งานที่มีอัตราค่าจ้างรายวันประมาณ 95,000 เหรียญสหรัฐ/วัน กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน กลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วยธุรกิจหลักคือบาคองโคและ UMS โดยบาคองโคยังสร้างผลกำไรและกระแสเงินสดที่ดีเหมือนเคย ในขณะที่ UMS ยังคงเผชิญกับสถานการณ์ที่โรงงานที่สมุทรสาครยังไม่สามารถเปิดทำงานได้มานานเกือบ 22 เดือน ในไตรมาสสองนี้ ผลขาดทุนของ UMS ลดลงเหลือ 16 ล้านจากระดับ 43 ล้านบาทเมื่อปีก่อน เนื่องจากมีการลดปริมาณการเร่งระบายถ่านหินขนาด 0-5 มม.ออกไป ในที่สุดจังหวัดสมุทรสาครก็ได้มีคำสั่งยกเลิกการปิดโรงงานถ่านหินของ UMS เป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ดี ทางจังหวัดยังไม่อนุญาตให้มีการใช้ท่าเรือเพื่อขนส่งถ่านหิน ดังนั้น เมื่อเปิดโรงงานอีกครั้ง กระบวนการโลจิสติกส์ต่างๆ อาจจะยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนเดิม ส่งผลให้ในไตรมาสสามที่จะถึง ต้นทุนค่าขนส่งจะปรับตัวดีขึ้นเป็นบางส่วน บาคองโคยังคงโชว์ผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่สอง โดยมีมีผลกำไรให้กับ TTA ทั้งสิ้น 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 31% รายได้อยู่ที่ 655 ล้านบาทลดลงจากปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากราคาขายต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย บาคองโคขายปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ดูแลพันธ์พืชไปทั้งหมด 40,000 ตัน เพิ่มขึ้น 12% จากยอดขายของไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่ผ่านมา หลังจากการก่อสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ขนาด 27,000 ตารางเมตรแล้วเสร็จไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บาคองโคเป็นเจ้าของคลังสินค้าทั้งหมด 3 แห่ง ที่มีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งสิ้น 37,000 ตารางเมตร สามารถรองรับสินค้ารวมกันได้ถึง 140,000 เมตริกตัน โดยคลังสินค้าทุกแห่งมีลูกค้าเช่าพื้นที่ไปแล้วรวมกันทั้งสิ้นถึง 80% ของพื้นที่ทั้งหมด ส่งผลให้รายได้จากการให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าของบาคองโคในไตรมาสนี้พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 70% แต่รายได้ในธุรกิจส่วนนี้ยังนับว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับรายได้รวมของบาคองโค แนวโน้ม “ถึงแม้อัตราค่าระวางเรือทั่วโลกกำลังปรับตัวขึ้นบ้าง แต่เราไม่คาดหวังว่าอัตราค่าระวางเรือจะกลับมาดีในปีนี้ ดังนั้น เราจะให้ความสำคัญกับการบริหารงานในธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองให้กระแสเงินสดเป็นบวก ในขณะที่ยังมองหาโอกาสในการขยายกองเรือเนื่องจากราคาเรือค่อนข้างต่ำ” ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวสรุป “ถึงแม้ว่าผลงานของเมอร์เมดในไตรมาสสองยังไม่ดีนัก แต่แนวโน้มในอนาคตของเมอร์เมดยังคงเป็นบวก เนื่องจากเราจะรับรู้รายได้ของสัญญาที่ทำไว้กับซาอุดิอรามโคทั้งจากเมอร์เมด หรือเอเชีย ออฟชอร์ ดริลลิ่ง ในไตรมาสที่สามนี้ ในขณะเดียวกัน UMS เองก็น่าจะกลับมาเปิดโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครได้อีกครั้งในไตรมาสที่ 3 นี้ ดังนั้น แม้ว่าผลงานโดยรวมในไตรมาสที่สองยังเจอกับอุปสรรคไปบ้าง แต่แนวโน้มของช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นอย่างแน่นอน” เกี่ยวกับ TTA บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ “TTA” เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยแผนการลงทุนของบริษัทฯ มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจอย่างสมดุลและหลากหลาย ทั้งในกลุ่มธุรกิจขนส่ง กลุ่มธุรกิจพลังงาน และกลุ่มธุรกิจโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ TTA ได้เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจจากเดิมที่เคยเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ด้วยการขยายการลงทุนไปยังบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการวิศวกรรมโยธาใต้น้ำ และนำบริษัท เมอร์เมดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หลังจากนั้น บริษัทฯ จึงได้ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจโลจิสติกส์และปุ๋ยในเวียดนาม (Baconco) ธุรกิจเหมืองถ่านหินในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และธุรกิจโลจิสติกส์ถ่านหิน (บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS) ธุรกิจขนส่งน้ำมัน (Petrolift) และธุรกิจท่าเรือในตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (Baria) -กผ-

ข่าวโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์+ผลประกอบการไตรมาสวันนี้

โทรีเซน ชิปปิ้ง ครองอันดับ 2 ผู้ให้บริการขนส่งทางเรือที่มีอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยเทียบเท่าดีที่สุดในโลก ประจำปี 2568 และเป็นบริษัทเดียวที่ติด 1 ใน 5 ต่อเนื่อง 7 ปีซ้อน

โทรีเซน ชิปปิ้ง ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือในเครือ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทขนส่งทางเรือที่มีการบริหารอัตราค่าระวางเรือเฉลี่ยเทียบเท่า (Time Charter Equivalent: TCE) ดีที่สุดอันดับที่ 2 ของโลกประจำปี 2568 จากรายงาน Vessel Index Report 2024 โดยบริษัทที่ปรึกษาอิสระด้านการเดินเรือ Liengaard & Roschmann ซึ่งจัดทำโดยการสำรวจบริษัทขนส่งสินค้าทางเรือประเภทเรือเทกอง (Dry Bulk) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก อาทิ นิวยอร์ก ออสโล ฮ่องกง สิงคโปร์

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TTA ยืนยันฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลงทุนตามแผน — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ตอกย้ำความมั่นคงทางการเงิน เพียงพอต่อแผนการลงท...

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาช... TTA ประกาศความสำเร็จขายหุ้นกู้หมดเกลี้ยง 800 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน — บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA ประกาศความสำเร็จใน...

บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ กรุ... GreenWin (วินเขียว กทม.) โครงการเพื่อขับเคลื่อนการขับขี่อย่างยั่งยืนและลดมลพิษในกรุงเทพฯ — บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, บริษัท วีเ...

TRIS คงอันดับเครดิต TTA อยู่ที่ BBB+/Stable ต่อเนื่อง ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางการเงินและผลประกอบการที่ดีของธุรกิจหลัก

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด หรือ TRIS Rating ยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ TTA ที่ระดับ ...

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บริษั... TTA ส่งเสริมเยาวชน ฝึกทักษะจัดการอารมณ์ของตนเอง เปิดใจกว้าง เคารพความแตกต่าง ผ่าน App Buddy Thai — เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2567 บริษัท โทรีเซนไทย เ...