“นมแม่” ช่วยครัวเรือนไทยประหยัดรายจ่ายมากกว่า 1.8 พันล้านบาท ตือปี หากให้เด็กทารกทุกคนได้รับนมแม่อย่างเดียวเป็นเวลามากกว่า 6 เดือน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ผลการวิจัยพบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวเป็นเวลา 6 เดือน ช่วยให้ครัวเรือนประหยัดรายจ่ายสูงถึงกว่า 1.8 พันล้านบาท ต่อปี ทั้งค่านมผง อุปกรณ์ชงนม อาหารเสริม และค่ารักษาพยาบาลเด็กป่วย แม่ลูกอ่อนวอนขยายสิทธิลาคลอดในทางปฏิบัติให้ครบ 90 วันอย่างเป็นจริง
          นพ.ภูษิต ประคองสาย ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลความเกี่ยวข้องของประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ได้รับจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย เพื่อเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ให้กับผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าผลการวิจัยจะดำเนินการแล้วเสร็จ ภายในต้นปี 2557 ทั้งนี้ ข้อค้นพบงานวิจัยดังกล่าวจะช่วยทำให้เกิดความชัดเจนในระดับมหภาคและจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดทิศทางเชิงนโยบายในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทั้งนี้ได้ยอมรับว่าในประเทศไทยยังไม่เคยมีการจัดทำการศึกษาทางด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับนมแม่มาก่อน
          ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวต่อไปว่า ในเบื้องต้นได้มีการจัดเก็บข้อมูลในกลุ่มหญิงหลังคลอดจำนวน 830 รายใน 5 จังหวัด พบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นเวลา 6 เดือน ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับครัวเรือนได้ทุกรายการเมื่อเปรียบเทียบกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่น้อยกว่า 6 เดือนแรก ยกเว้นค่าใช้จ่ายในรายการเครื่องปั๊มนม (ดูตาราง)
          จากข้อมูลเปรียบเทียบดังกล่าว พบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวเป็นเวลา 6 เดือน ช่วยให้ครัวเรือนประหยัดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยนได้ 6,616.24 บาท หรือเฉลี่ย 1,100 บาทต่อเดือน และเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายในภาพรวมของประเทศ ซึ่งตัวเลขล่าสุดจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2555 ประเทศไทยมีเด็กเกิดใหม่ 760,000 คนต่อปี และจากการสำรวจสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พบว่าร้อยละ 71 ของเด็กทารกเกิดใหม่ได้รับนมแม่อย่างเดียวเป็นระยะเวลา 3 เดือน และร้อยละ 38 ของเด็กทารกได้รับนมแม่อย่างเดียวจนถึง 6 เดือน เท่ากับว่า ครัวเรือนไทยจะสามารถประหยัดรายจ่ายได้มากกว่า 1.8 พันล้านบาท ต่อปี หากมีการสนับสนุนให้เด็กทุกคน (ยกเว้นมารดาที่ติดเชื้อเอชไอวีเอดส์) ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจนถึงระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้หากปรับเป้าหมายของประเทศ ตามกรมอนามัย กระทรวงสาธาณะสุข ซึ่งวางเป้าหมายให้เด็กทารกร้อยละ 50 ได้รับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จนครบ 6 เดือน ครัวเรือนไทยจะสามารถประหยัดรายจ่ายได้ประมาณ 472 ล้านบาท ต่อปี
          อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าแม้ผู้หญิงหลังคลอดส่วนใหญ่จะเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และแม้จะมีพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2521 กำหนดสิทธิการลาคลอด 90 วัน แต่ในทางปฏิบัติจะใช้สิทธลาคลอดน้อยกว่าระยะเวลาดังกล่าว เนื่องจากเหตุผลทางเศรษฐกิจและความจำเป็นด้านหน้าที่การทำงาน ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า สังคมได้ผลักภาระให้แม่และครอบครัวเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งที่ประโยชน์จากการกินนมแม่ไม่ได้เกิดเฉพาะกับเด็กและพ่อแม่ แต่สังคมและประเทศได้ประโยชน์จากการมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพรวมถึง ภาระทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วย และรายจ่ายของครัวเรือนที่ลดลงจากการได้รับนมแม่อีกด้วย
          ฉะนั้นทุกภาคส่วนไม่ว่าจะภาครัฐและเอกชน ควรร่วมสนับสนุนให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมมุมนมแม่ในสถานที่ทำงานสามารถเก็บน้ำนมกลับไปให้ลูกที่บ้านได้ รวมถึงการขยายระยะเวลาลาคลอดจาก 90 วัน เป็น 180 วัน ซึ่งขณะนี้ คณะทำงานอยู่ระหว่างการศึกษาในรายละเอียด รวมทั้งข้อดีและข้อเสียของเรื่องดังกล่าว
          “การกินนมแม่นอกจากช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้เด็กมีสุขภาพดี มีการเจ็บป่วยน้อยลงซึ่งจะส่งผลจนถึงวัยผู้ใหญ่แล้วยังทำให้เด็กเติบโตมีไอคิวและอีคิวสูง ประเทศชาติจะได้ประโยชน์จากการมีประชากรที่มีสติปัญญาดี และสุขภาพแข็งแรง” นพ.ภูษิต ให้ความเห็น
          นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาข้อมูลวิชาการในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ได้มีงานวิจัยล่าสุดเมื่อปีพ.ศ. 2554 พบว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยให้สหรัฐฯ ประหยัดงบประมาณด้านสาธารณสุขที่ต้องใช้เพื่อการรักษาอาการเจ็บป่วยของเด็กในแต่ละปีได้ถึง 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.1 แสนล้านบาท) ลดความสูญเสียจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเด็กที่คิดเป็นมูลค่า 10.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (30.3 พันล้านบาท) ลดค่าใช่จ่ายเพื่อการซื้อผลิตภัณฑ์นมผงราว 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.17 แสนล้านบาท) รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านอาหารเสริมสำหรับหญิงหลังคลอด 1.6-2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (4.8-6.3 หมื่นล้านบาท) ที่สำคัญ ยังช่วยแก้ปัญหาโรคอ้วนในเด็กซึ่งจะส่งผลไปจนโต โดยในปัจจุบัน สหรัฐฯ ใช้งบประมาณเพื่อดูแลพลเมืองที่เจ็บป่วยจากโรคอ้วนสูงถึง 147 พันล้านเหรียญสหรัฐ (4.4 ล้านล้านบาท) ต่อปี
          “ข้อมูลของสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่า เด็กเจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ลดลง เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ ภาวะน้ำหนักเกิน ขณะที่ไอคิวเพิ่มสูงขึ้น และแม่เองก็มีสุขภาพที่ดีกว่าด้วย” นพ.ภูษิต กล่าวเพิ่มเติม
          ขณะที่ในประเทศออสเตรเลีย พบว่าเมื่อมีการรณรงค์ให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น ทำให้ประเทศประหยัดค่าใช้จ่ายประมาณ 2.2 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (6.6 หมื่นล้านบาท) และในประเทศอังกฤษ ทารกที่กินผลิตภัณฑ์นมผสมอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากกว่าทารกที่กินนมแม่ เนื่องจากทารกที่กินนมผสมต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลมากกว่าทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวอย่างน้อย 3 เดือน ถึง 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขข้อมูลการลดลงของการเจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้จากนมแม่ในประเทศไทย อยู่ในระหว่างการรวบรวมของทีมนักวิจัย ซึ่งจากข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่า ประโยชน์จากการได้รับนมแม่อย่างเดียวเป็นระยะเวลา 6 เดือน มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเดียว


ข่าวเลี้ยงลูกด้วยนมแม่+กระทรวงสาธารณสุขวันนี้

ไปรษณีย์ไทย ร่วมกรมอนามัย เปิดโซลูชันส่งน้ำนมแม่ด้วยบริการส่งด่วน EMS ฟรี เชื่อมโยงสายใจจากแม่สู่ลูก - หนุนกลุ่มเด็กแรกเกิดได้ดื่มนมแม่

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าโครงการ "ภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูก" หนุนเพิ่มช่องทางการส่งน้ำนมแม่ให้กับ กลุ่มแม่ที่ทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลลูก และเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย โดยเปิดให้บริการจัดส่งน้ำนมแม่ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ และสามารถรอรับน้ำนมแม่ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ปลายทางภายใน 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อตอกย้ำศักยภาพการขนส่งของไปรษณีย์ไทย

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน สารเสพติ... กรมอนามัย เตือน สารเสพติดในนมแม่เป็นอันตรายต่อทารก แนะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดยาต้องรับการรักษาด่วน — กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือน สารเสพติดในนมแม่เป็นอันต...

บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) นำโดย นางนง... ไทยวาโก้ มอบผลิตภัณฑ์เสื้อชั้นในให้นมบุตร เนื่องในวันแม่แห่งชาติ — บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) นำโดย นางนงลักษณ์ เตชะบุญเอนก (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการบริห...

มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ชูเทรนด์เลี้ยงลูกยุคให... มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ชูเทรนด์เลี้ยงลูกยุคใหม่ "นมแม่ No Water" — มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ชูเทรนด์เลี้ยงลูกยุคใหม่ "นมแม่ No Water" นมแม่ล้วน 6 เดือนไม่น้ำ "บุ๋มท...

มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ร่วมขับเคลื่อน"สัปดาห์... มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ หนุน "ลาคลอด 6 เดือน" สร้างคุณภาพเด็กไทยด้วย "นมแม่" — มูลนิธิศูนย์นมแม่ฯ ร่วมขับเคลื่อน"สัปดาห์นมแม่โลก 2566" หนุน "ลาคลอด 6 เดือน" สร...

ศูนย์นมแม่ฯ ชวนสังคมไทยร่วมสนับสนุน "นมแม... ทุกปัญหามีทางออก "แม่มือใหม่" เลี้ยงลูกด้วย "นมแม่" แก้ได้-ไม่ยาก — ศูนย์นมแม่ฯ ชวนสังคมไทยร่วมสนับสนุน "นมแม่อย่างเดียว 6 เดือน" จากรายงานการสำรวจสถานการ...

เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ ... ยูนิเซฟชี้ทารกเพียง 1 ใน 3 คนในประเทศไทยได้กินนมแม่อย่างเดียวหกเดือน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายโลก — เนื่องในสัปดาห์นมแม่โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1-7 สิงหาคมของทุกปี...