“เกียว โรล เอ็น” ฉลองครบ 1 ปี ร่วมแบ่งปันความรู้ให้น้อง

21 Oct 2013

กรุงเทพฯ--21 ต.ค.--คชา บราเธอร์ส

“เกียว โรล เอ็น” ฉลองครบ 1 ปี ร่วมแบ่งปันความรู้ให้น้องเปิดตัวโครงการเพื่อสังคม “M.A.D. - Make A Difference”

เกียว โรล เอ็น (Kyo Roll En) ร้านโรลเค้กและขนมหวานสูตรต้นตำหรับจากเกียวโต โดย บริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด เจ้าของแบรนด์ไอศกรีม Sfree, Parferio, Sfree JR, Aldy’s Coffee Lite ฉลองความสำเร็จครบ 1 ปี เกียว โรล เอ็น เปิดตัวโครงการเพื่อสังคม “M.A.D. - Make A Difference” ร่วมแบ่งปันความสุขและความรู้สู่เยาวชน ชวนบริจาคหนังสือดีมีประโยชน์ เพื่อนำไปมอบให้เด็กและชุมชนที่ขาดแคลน ผ่านโครงการ อ่านสร้างชาติ ของ มูลนิธิกระจกเงา

ในวันงาน ซึ่งจัดขึ้นที่ ร้านเกียว โรล เอ็น ชั้น M ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย มีลูกค้าจำนวนมากได้นำหนังสือมาร่วมบริจาค และทางร้านมีการแจกฟรี! ไอศกรีมที่เป็นไฮไลท์สุด คือ “Sumi Soft Cream” ที่ทำจากถ่านไม้ไผ่ เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทย สำหรับทุกท่านที่มาร่วมบริจาคด้วย “บริจาค 1 เล่ม แลกรับ 1 ถ้วย” นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากบุคคลที่มีชื่อเสียงหลากหลายสาขาอาชีพ มาร่วมงานพร้อมนำหนังสือมาร่วมบริจาค อาทิ ดลชัย บุณยะรัตเวช, ม.ล.ตรีนุช สิริวัฒนภักดี, ณัฐพล จุฬางกูร, ปณิธาน ทองสถิตย์, วิมลภัทร์ ตุงคนาค, อมตา จิตตะเสนีย์, เบญจ เบญจรงคกุล, ณัฏฐิ์มาฎา – ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ ฯลฯ

ฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการ กล่าวในงานว่า “เกียว โรล เอ็น นับเป็นแบรนด์ที่ 5 ในเครือ “สฟรี” ซึ่งได้ผลตอบรับที่ถือว่าดีเหนือความคาดหมาย ใน 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างไอศกรีมสีดำที่ทำจากถ่านไม้ไผ่และโรลเค้กสูตรต้นตำหรับจากเกียวโต พร้อมบรรยากาศการตกแต่งเป็นบ้านโบราณสไตล์ญี่ปุ่น จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลาเพียงหนึ่งปี ตอนนี้จึงได้ขยาย 3 สาขา และกำลังจะเปิดสาขาที่ 4 ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ภายในเดือนตุลาคมนี้”

“เนื่องในโอกาสครบ 1 ปี จึงตั้งใจริเริ่มกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคม ใช้ชื่อว่า “M.A.D. – Make A Difference” ร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงในการผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาสังคม โดยอาสาเป็นสื่อกลางในการรวบรวมหนังสือ เพื่อส่งต่อไปยังน้องๆ หรือโรงเรียนต่างๆ ในชนบท ผ่านโครงการอ่านสร้างชาติ มูลนิธิกระจกเงา ครับ”

จรัญ มาลัยกุล หัวหน้าโครงการอ่านสร้างชาติ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า “เราทำโครงการนี้มาเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว โดยตั้งเป้าในการขอรับบริจาคหนังสือมือสองไว้ 1 ล้านเล่มต่อปี ซึ่งยังมีโรงเรียนและชุมชนที่ต้องการหนังสืออีกกว่า 1,000 แห่ง โดยหนังสือที่ได้มา ทางมูลนิธิฯจะนำไปทำการคัดแยกประเภทหนังสือ ก่อนจะจัดส่งไปยังห้องสมุดโรงเรียน ชุมชน หรือสถานสงเคราะห์ต่างๆตามความเหมาะสมของวัย และความต้องการของสถานที่นั้นๆ ซึ่งหนังสือเหล่านี้จะมีประโยชน์กับคนเหล่านี้มาก และในอนาคตทางมูลนิธิฯ อยากทำ “ตู้หนังสือเย็นๆ” ที่รวบรวบหนังสือหลายๆ ชนิดในรูปแบบตู้เย็น ที่สามารถไปตั้งในพื้นที่จำกัด แต่เข้าถึงชุมชนได้มากขึ้นด้วยครับ”

ด้านเหล่าเซเลบริตี้ที่มาร่วมงาน อาทิ ไอ๋-ดลชัย บุณยะรัตเวช นักสร้างแบรนด์แถวหน้าของเมืองไทย กล่าวว่า “ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเขียน Pocket Book หลายเล่ม ด้วยความคิดที่อยากแบ่งบันประสบการณ์ตลอด 30 ปี ในวงการโฆษณาและสร้างแบรนด์ วันนี้ได้นำหนังสือ “คิดยังงัยให้ไอเดียกระฉูด” และอีกหลายเล่ม ที่ได้รวบรวม Tips ง่ายๆ เพื่อให้ผู้อ่านนำไปประยุกต์ใช้อย่างมีกลยุทธ์ เมื่อเวลาพบกับโจทย์ใหม่ๆที่ท้าทายในชีวิต หวังว่าน้องๆทุกคนจะนำแง่คิดและประสบการณ์ของผมที่นำมาเป็นตัวอย่างนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ วันอย่างสนุกสนานและได้ผลครับ”

ด้าน ณัฐพล จุฬางกูร เผยว่า “การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญที่จะพัฒนาบุคลากร เปรียบเสมือนการเริ่มกลัดกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง “พจนานุกรมพูดได้และโปสเตอร์พูดได้” เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เด็กนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองถึง 3 ภาษา ไทย-อังกฤษ-จีน ได้ยินเสียงจากเจ้าของภาษา สนุกกับการได้เห็นรูป ไม่รู้สึกเบื่อ ซึ่งเด็กจะได้ฝึกพูดสำเนียงภาษาตั้งแต่อายุยังน้อย ฝึกฟัง ฝึกเขียน ฝึกจินตนาการ เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาเรียนรู้และสะสมประสบการณ์ สร้างความคุ้นเคยและค่อยๆ เรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ หากพวกเขารู้สึกสนุกกับการเรียนรู้ พวกเขาก็จะรักการอ่าน ประเทศเราก็จะมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น ไว้เป็นอนาคตของชาติต่อไป”

นุช-ม.ล.ตรีนุช สิริวัฒนภักดี คุณแม่ลูกสาม ที่ยังสวยใส เล่าว่า “วันนี้มาพร้อมหนังสือเด็ก และนิทานต่างๆ “นุชว่า ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่สำคัญมากๆนะคะ ที่เราจะปลูกฝังความคิดหรือ วุฒิภาวะทางอารมณ์ให้กับเค้า การอ่านนิทานช่วยให้เด็กได้รับการกระตุ้นประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น หู ตา รวมถึงสมอง อย่างนุชเนี่ยถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องแบ่งเวลาให้กับลูก เล่นกับเขา เล่านิทานให้เขาฟังบ้าง เขาจะชอบและมีความสุขมาก วันนี้จึงนำหนังสือนิทานมาร่วมบริจาคค่ะ เพราะเข้าใจว่าเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็น่าจะชอบ มีภาพสวยๆ น่ารักๆ แถมยังมีคติสอนใจต่างๆมากมายด้วย น่าจะช่วยส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ให้กับเด็กๆได้”

ด้าน เหมียง-วิมลภัทร์ ตุงคนาค ที่นำหนังสือ “King By Virtue” มาร่วมบริจาค เล่าว่า “ด้วยงานหลักที่ต้องช่วยท่านตา หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ดูแลกิจกรรมของ “โครงการหลวง” ซึ่งเป็นโครงการส่วนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีโอกาสได้ซึมซับแนวคิดและพระราชภารกิจของพระองค์ท่าน เล่มนี้เป็นหนังสือที่ประมวลพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและหลักทศพิธราชธรรม แนะแนวคิดใช้ชีวิตอย่างไรให้พอเพียง ที่ต่างประเทศต่างชื่นชมในพระบารมี จึงอยากให้คนไทยได้รู้สึกภาคภูมิใจและนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ค่ะ”

ปิดท้ายที่เมคอัพ อาร์ทิสต์ ชื่อดัง “Pearypie” แพร-อมตา จิตตะเสนีย์ เผยว่า “หนังสือที่แพรนำมาบริจาค คือ Dictionary ไทย อังกฤษค่ะ เป็นหนังสือที่มีความสำคัญในการเรียนของแพรที่อังกฤษอย่างมาก เป็นตัวช่วยให้แพรประสบความสำเร็จในการเรียนในต่างประเทศ ต่างภาษา แพรเลยอยากส่งมอบตัวช่วยของแพรให้กับน้องๆ เพื่อที่จะได้พัฒนาความรู้ทางด้านภาษาไปได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นด้วยตัวช่วยที่เคยช่วยแพรให้ประสบความสำเร็จมาแล้วค่ะ”

นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงอีกหลายท่านมาร่วมบริจาค อาทิ ปณิธาน ทองสถิตย์ มาพร้อมหนังสือแนะไอเดียแต่งดอกไม้เก๋ๆ “Daily Flower”, เบญจ เบญจรงคกุล กับหนังสือ “แกะรอยหยักสมอง รวยหุ้นหมื่นล้าน” หรือสองพี่-น้อง ณัฏฐิ์มาฎา-ณัฏฐิ์ประภา ชุณหะวัณ ที่มาพร้อมกับหนังสือนิทานกองโต

ฤทธิ์ คิ้วคชา กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “การให้ความรู้ คือ การให้ที่ไม่สิ้นสุด” เพราะความรู้จะอยู่กับคนๆนั้นไปตลอด และจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เค้าไปถึงฝันได้ เราเป็นแค่ส่วนเล็กๆในสังคม แต่ก็สามารถร่วมกันผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไปในทางที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของการศึกษา จะมีผลต่ออนาคตของชาติไทยเราครับ”

งานนี้มีผู้มาร่วมบริจาคหนังสือกว่า 1,000 เล่ม ทั้งผู้จัดและผู้ร่วมโครงการ ต่างกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มอิ่มสุข และอิ่มท้องกันถ้วนหน้า ดังคำที่ว่า “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net