นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมไอซีทีจากมัคคานซิส บริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลและวางแผนกลยุทธ์ นางสาวเฉลิมพร อภิบุณโยภาส ได้ให้ความเห็นว่า“ATM Skimming ถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามหนึ่งที่อยู่ในช่องทางการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่ช่องทางนี้ที่มีการถูกโจรกรรม อีกช่องทางหนึ่งที่มีภัยคุกคามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ ภัยคุกคามบนธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์”
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยปี 2555 ที่ผ่านมา สัดส่วนของปริมาณการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์ หรือผ่านทางเครือข่าย(e-Payment) โดยภาพรวมมีปริมาณการชำระเงินเพิ่มขึ้นจากปี 2554 ถึงร้อยละ 13.5 และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งช่องทางที่มีปริมาณการชำระเงินมากที่สุด คือ ผ่านเครื่อง ATM สูงถึงร้อยละ 35รองลงมาคือเครื่องรับ-รูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์(EDC) ร้อยละ 33 และ ผ่านอินเทอร์เน็ต ร้อยละ 26 ตามลำดับ ในขณะที่ข้อมูลสถิติภัยคุกคามจากไทยเซิร์ตในปี 2555 นั้น จะเห็นว่าภัยคุกคามที่ได้รับแจ้งทั้งหมด 792 เรื่อง เป็นเรื่องฉ้อฉล ฉ้อโกงหรือหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ หรือ เรียกกว่า ฟิชชิ่ง(Phishing) หรือการฉ้อโกงรูปแบบหนึ่งที่มีการพยายามหลอกล่อให้เหยื่อจ่ายเงินหรือโอนเงินโดยมีเทคนิคหลอกลวงที่สมบูรณ์แบบสูงถึงร้อยละ 68 จากจำนวนรับแจ้งทั้งหมด ดังนั้น องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการเงินที่มีส่วนได้ส่วนเสียในการให้บริการทางการเงินควรตระหนักถึงประเด็นด้านภัยคุกคามลักษณะนี้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะเพื่อให้รู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพและหาทางรับมือได้อย่างทันถ่วงที เพื่อลดการสูญเสียทั้งเงิน ความเชื่อมั่น และชื่อเสียงของผู้ให้บริการนั่นเอง