“HYDRO” ไตรมาส3/56พลิกกำไร 3.09 ล้านบาท เริ่มรับรู้รายได้4 โครงการ-ยื่นประมูลงานต่างประเทศ

14 Nov 2013
ไฮโดรเท็ค” ผลการดำเนินการไตรมาส 3/2556 พลิกมีกำไรสุทธิ 3.09 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2556ขาดทุนสุทธิ 7.66 ล้านบาท ชี้เปลี่ยนการทบทวนงบ และเพิ่งรับรู้รายได้โครงการใหม่ 4 โครงการ เดินหน้ายื่นประมูลงานต่อเนื่อง วางเป้าหมายระยะยาวปี 2557 – 2559 รายได้ในประเทศและต่างประเทศโตเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 20 %

นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง งานด้านบริหารจัดการ และธุรกิจลงทุนงานวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2556 บริษัทมี รายได้รวมอยู่ที่ 197.57 ล้านบาท กำไรสุทธิจำนวน 3.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2556 ที่บริษัทมีรายได้รวม 195.61 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 7.66 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลดำเนินการดังกล่าวเกิดจากที่บริษัทได้เปลี่ยนแปลงนโยบายการทบทวนงบประมาณโครงการก่อสร้างใหม่ โดยปรับปรุงทุกโครงการที่มีการเปลี่ยนแปลงประมาณการ จากเดิมจะปรับปรุงเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 3% เพื่อให้มีต้นทุนใกล้เคียงความเป็นจริง

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการรับรู้โครงการก่อสร้างใหม่ที่ได้รับในไตรมาส 2 - 3 จำนวน 4 โครงการที่อยู่ระหว่างเริ่มดำเนินงาน มีการรับรู้รายได้เพียงประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 778.16 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มสูงขึ้น จากค่าที่ปรึกษากฎหมายและที่ปรึกษาการเงินในการวางแผนร่วมกิจการ กับ บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด (มหาชน)

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมุ่งมั่นกับการหางานต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทมีเป้าหมายระยะยาวในการก้าวขึ้นสู่บริษัทวิศวกรรรมและก่อสร้างในภูมิภาคอาเซียน โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจาและเตรียมยื่นประมูล จำนวน 3 โครงการคือ โครงการระบบบำบัดน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า โดยโครงการนี้อยู่ในรูปแบบการลงทุนและบริหารโครงการ (Build, Operate and Transfer : BOT ) งบลงทุน 360 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 30 ปี

สำหรับโครงการที่ 2 และโครงการที่ 3 ได้แก่ โครงการผลิตน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างระบบผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ จำนวน 20 เมกะวัตต์ (MW) ประเทศลาว โดยบริษัทวางเป้าหมายระยะยาวปี 2557 – 2559 รายได้ของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 20 % จากงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ