ค่ายสานฝัน ปั้นเด็กศิลป์ ‘Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี’

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--เอสซีจี

ฝันของเด็กๆ ที่รักในศิลปะและอยู่ในวัยเตรียมตัวสอบเอ็นทรานซ์ คงหนีไม่พ้นการที่เขาหรือเธอ สามารถสอบเข้าไปนั่งเรียนสายศิลปะในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันได้ น้องๆ นักเรียนโดยเฉพาะในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจึงนิยมที่จะไปติวศิลปะกับรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันกวดวิชาด้านศิลปะต่างๆ ซึ่งต่างจากเยาวชนอีกจำนวนหนึ่งที่แม้ฝันจะเป็นเด็กศิลป์ในระดับอุดมศึกษา แต่ก็ขาดโอกาสในการพัฒนาฝึกปรือฝีมือเพราะอาศัยอยู่ห่างไกลมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนด้านศิลปะ Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ด้วยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิเอสซีจี องค์กรสาธารณกุศลที่ทำกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมเพื่อพัฒนาคนให้เป็น ‘คนเก่งและดี’ กับคณาจารย์จากสถาบันการศึกษาชั้นแนวหน้าด้านศิลปะ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินอิสระ ร่วมกันจัดค่ายสอนศิลปะให้แก่นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีความฝันอยากเรียนต่อด้านศิลปะในระดับอุดมศึกษาและอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ไม่มีมหาวิทยาลัยเปิดทำการสอนด้านศิลปะตั้งอยู่ ค่ายนี้ไม่เพียงเพิ่มพูนความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และการฝึกฝนทักษะ ทั้งด้านองค์ประกอบศิลป์ การเขียนลายเส้น และความคิดสร้างสรรค์เชิงศิลปะของเยาวชนเท่านั้น แต่ยังมุ่งพัฒนาครูผู้สอนศิลปะซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการสร้างบุคลากรที่ดี ด้วยการเสริมสร้างทักษะการถ่ายทอดความรู้ รวมถึงอัพเดทเทคนิคใหม่ๆ ในการทำงานศิลป์ ซึ่งความรู้ที่ได้เพิ่มเติมเหล่านี้จะช่วยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนศิลปะและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ลูกศิษย์ สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี หัวเรือใหญ่ในการจัดงานกล่าวว่า “Art Camp โดยมูลนิธิเอสซีจี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มูลนิธิฯ ภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนเด็กไทยให้พัฒนาศักยภาพและก้าวไปตามความฝันของตนเอง โดยตลอด 7 ปีของการจัดค่ายสอนศิลปะนี้ มีน้องๆ นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ประสบความสำเร็จสามารถสอบเข้าเรียนต่อด้านศิลปะในมหาวิทยาลัยที่ตั้งใจได้กว่า 65% สำหรับในปีนี้เราเปิดค่ายอีกครั้งและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักเรียนและคุณครูทั่วประเทศกว่า 150 คนเดินทางมาร่วมค่ายเพื่อฝึกฝนฝีมือด้านศิลปะ” ด้านศาสตราจารย์เดชา วราชุน ศิลปินแห่งชาติ หนึ่งในวิทยากรกล่าวเสริมว่า “การเข้าค่ายในลักษณะที่เตรียมความพร้อมให้กับเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดได้มีโอกาสที่จะเข้ามหาวิทยาลัยได้ง่ายขึ้น ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับเด็ก เขาจะได้สัมผัสกับความรู้จริงๆ ที่เขาควรจะได้รู้ก่อนจะไปสอบวิชาเฉพาะด้านศิลปะ อีกทั้งยังสามารถตัดสินใจได้ว่าตนเองมีความสามารถ มีความชอบในการศึกษาต่อสาขาไหน การที่ค่ายนี้คัดเลือกนักเรียนจากหลายๆ ที่ทั่วประเทศทำให้เกิดการรวมกลุ่มเครือข่ายเยาวชนด้านศิลปะที่เกิดการแลกเปลี่ยนร่วมกัน ทำให้เห็นข้อดี ข้อด้อยในผลงานของตนเองและผู้อื่น การอบรมให้แก่ครูก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะครูคนหนึ่งต้องไปถ่ายทอดนักเรียนอีกหลายร้อยคน ถือเป็นการวางรากฐานความรู้ด้านศิลปะที่สำคัญ” ตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน น้องๆ ได้รับการแนะนำข้อมูลสาขาศิลปะที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย และการอบรมเคี่ยวกรำในเรื่องพื้นฐานการวาดเส้นที่ถือว่ามีความสำคัญมากในการทำงานศิลปะ เริ่มตั้งแต่วิธีการจับดินสอ การฝึกฝนวาดเส้น โครงสร้าง ขนาดสัดส่วนและการลงน้ำหนักแสงและเงา โดยมีบททดสอบให้พัฒนาฝีมือ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพมือ ภาพคนเหมือน (Portrait) ภาพคนเต็มตัว (Figure) ภาพทิวทัศน์ (Landscape) การออกแบบตกแต่งภายใน การออกแบบนิเทศศิลป์ และการออกแบบเครื่องแต่งกาย ซึ่งช่วยเพิ่มทักษะความรู้ความเข้าใจในการวาดเส้นที่ดี และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผลงานอีกด้วย ผลงานทุกชิ้นล้วนได้รับคำแนะนำดีๆ จากคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ครูสังคม ทองมี, รองศาสตราจารย์ทินกร กาษรสุวรรณ และผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิกร คงคา น้องพลอย ชลันลดา พงศ์พัฒนานุกุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จังหวัดเชียงราย หนึ่งในผู้เข้าร่วมค่ายในปีนี้ได้กล่าวถึงความประทับใจว่า “รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าวิทยากรที่มาให้ความรู้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิและล้วนมีชื่อเสียง ทำให้เราบอกตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุดเพราะถือเป็นโอกาสที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต ค่ายนี้ทำให้เรารู้ศักยภาพของตัวเอง รู้ว่าตัวเองควรกลับไปฝึกฝนไปพัฒนาเรื่องใด นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้เรื่องกระบวนการคิดคอนเซปต์ การจัดการเวลา และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการสร้างผลงาน เพื่อทำให้ความฝันในการเรียนต่อของหนูเป็นจริง” เช่นเดียวกับ น้องแป๋ง ไชยวัฒน์ มาลา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนดอนสารวิทยาคม จังหวัดชัยภูมิ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ได้มีโอกาสเจอเพื่อนๆ จากทั่วประเทศ ทุกคนล้วนมีฝีมือและมีแนวความคิดที่แตกต่างกัน เมื่อได้มาอยู่รวมกัน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ก็ทำให้ผมได้เปิดมุมมองใหม่ๆ โดยเฉพาะคำแนะนำจากวิทยากร ทั้งเรื่องเส้นเรื่องแสงซึ่งเป็นความรู้ใหม่ที่จะช่วยแก้ปมด้อยในการสร้างงานของผม ขอขอบคุณที่จัดกิจกรรมดีๆ อย่างนี้ขึ้นมาครับ” ด้านครูสอนศิลปะได้มีการอบรมลงมือทำ Workshop ภาพพิมพ์ ทั้งภาพพิมพ์สีน้ำมัน ภาพพิมพ์โฟมอัด และภาพพิมพ์ปูนพลาสเตอร์ ด้วยเทคนิคการใช้วัสดุแบบใหม่ๆ ให้เหล่าคุณครูได้โชว์ไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงาน อีกทั้งยังได้รับฟังการบรรยายแนะนำเทคนิคการสอนจากยอดปรมาจารย์ด้านศิลปะชื่อดังระดับประเทศ อาทิ ศาสตราจารย์เดชา วราชุน, ศาสตราจาย์พิษณุ ศุภนิมิตร, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ญาณวิทย์ กุญแจทอง และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ถาวร โกอุดมวิทย์ ซึ่งจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการพัฒนา สรรค์สร้างทรัพยากรบุคคลให้มีความสนใจ รัก และเข้าถึงความเป็นศิลปะอย่างแท้จริง รณยุทธ์ ณรงค์ชัย ครูศิลปะจากโรงเรียนเซกา จังหวัดบึงกาฬ กล่าวเสริมว่า “ถือว่าเป็นเกียรติครั้งหนึ่งในชีวิตของครูสอนศิลปะที่ได้มาเจอทั้งศิลปินแห่งชาติ ศิลปินชั้นเยี่ยมและคณาจารย์ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยด้านศิลปะอันดับหนึ่งของประเทศ ที่มาให้ความรู้กระบวนการทางศิลปะที่มีความแปลกใหม่หลากหลาย รวมถึงการได้ทำ Workshop ความตั้งใจหลังจบค่าย คือ การนำความรู้ที่ได้ทั้งหมดกลับไปพัฒนาต่อยอดปรับให้เข้ากับบริบทสังคมสอดคล้องกับความเป็นอยู่ทางวัฒนธรรม เพื่อให้เด็กๆ ได้ซึบซับความงามด้านสุนทรียศาสตร์เพื่อสร้างเยาวชนที่รักในงานศิลปะต่อไป” ปิดท้ายกิจกรรมปีนี้ด้วยการพาน้องๆ และคุณครูที่มาร่วมค่ายไปเสพงานศิลป์ที่เขาใหญ่ อาร์ต มิวเซียมของพงษ์ชัย จินดาสุขซึ่งรวบรวมงานศิลป์จากศิลปินระดับแนวหน้าของเมืองไทยมาจัดแสดงในอาคารหอศิลป์ที่โอบล้อมด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เดินชมประติมากรรม ภาพวาด รูปปั้นสำริดจนอิ่มเอมหัวใจ ก็ได้เวลาเอ่ยคำร่ำลา มูลนิธิเอสซีจีเชื่อว่าความสุขที่ได้ชมงานศิลปะชั้นครู การเรียนรู้สัมผัสสุนทรียศาสตร์ตลอดค่ายจะช่วยขยายโอกาสและสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ พกพาใส่กระเป๋ากลับไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะสานฝัน ฉันจะเป็นเด็กศิลป์ให้เป็นจริง -กผ- สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวสถาบันกวดวิชาด้านศิลปะต่างๆ+มูลนิธิเอสซีจีวันนี้

มูลนิธิเอสซีจี เปิดตัว Learn to Earn Guidebook และคอร์สเรียนออนไลน์ Learn to Earn จุดประกายการเรียนรู้ตลอดชีวิต สู่ทักษะแห่งอนาคต

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI และความผันผวนทางเศรษฐกิจ หลายคนกำลังเผชิญกับความท้าทาย ทั้งภาวะ Skill Mismatch ที่ทักษะที่มีอยู่ไม่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน และการขาดทักษะจำเป็นที่ช่วยให้ก้าวทันโลก เพื่อติดอาวุธให้ประชาชนทั่วไปที่พร้อมจะ Upskill Reskill เพื่อรับมือทุกสถานการณ์ มูลนิธิเอสซีจี จึงได้จัดทำ Learn to Earn Guidebook คู่มือเอาตัวรอด ที่มุ่งเน้นการจุดประกายการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) พร้อมพัฒนาศักยภาพเพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต Learn to Earn Guidebook ไม่ใช่

มูลนิธิเอสซีจี เดินหน้าส่งเสริมแนวคิด Lea... เรียนรู้มุมมองของยุวศิลปินไทยรุ่นใหม่ กับแนวคิด Learn to Earn ในงานด้านศิลปะ — มูลนิธิเอสซีจี เดินหน้าส่งเสริมแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้เพื่ออยู่รอดในก...

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 67 มูลนิธิไทยพีบีเอส แ... มูลนิธิ เอสซีจี ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ส่งมอบถุงยังชีพยังชีพ แก่มูลนิธิไทยพีบีเอส — เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 67 มูลนิธิไทยพีบีเอส และสมาพันธ์พนักงานไทยพีบ...

วิทยาลัยดุสิตธานี ขอแสดงความยินดีกับนักศึ... เจตนารมณ์มุ่งมั่น "เชื่อมั่นในคุณค่าของคน" มูลนิธิเอสซีจีมอบทุนให้แก่นักศึกษาวิทยาลัยดุสิตธานี — วิทยาลัยดุสิตธานี ขอแสดงความยินดีกับนักศึกษาระดับปริญญาตร...