“วราเทพ” ประชุมชี้แจงแนวทางปรับปรุงการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแก่เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลภาคเหนือ

15 Aug 2013

กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“วราเทพ” ประชุมชี้แจงแนวทางปรับปรุงการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแก่เกษตรอำเภอและเกษตรตำบลภาคเหนือ หวังให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ป้องกันการทุจริต และการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้รับขึ้นทะเบียน เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว ปี 2556/57 แล้ว โดยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถขึ้นทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2556 - 30 มิถุนายน 2557 การประชาคมตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -14 กรกฎาคม 2557 และการออกใบรับรองตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2556 -15 กันยายน 2557

นายวราเทพ กล่าวต่อไปว่า การสัมมนาครั้งนี้ เป็นการซักซ้อมความเข้าใจและขั้นตอนการปฎิบัติในการขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวรอบปี 2556/57 ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีการทบทวนและปรับปรุงการขึ้นทะเบียน ทั้ง 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การรับขึ้นทะเบียน จะมีการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรทราบและตระหนักถึงโทษในการแจ้งข้อมูลหรือใช้เอกสารเท็จ พร้อมทั้งเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งเกษตรกรที่ขอขยายครัวเรือนจะต้องนาเอกสารการรับรองการขยายครัวเรือนจากกำนันหรือผู้ใหญ่บ้านมาแสดง และเกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือน และเป็นเจ้าของผลผลิตในแปลง หากไม่สามารถมาขึ้นทะเบียนได้ด้วยตนเอง ให้มอบอำนาจให้สมาชิกที่มีชื่อใน ทบก. ไปขึ้นทะเบียนแทน ขั้นตอนที่ 2 การประชาคม แบ่งเป็น การประชาคมกลุ่มย่อย 5 - 10 ราย และลงชื่อรับรองข้อมูลร่วมกัน หากแจ้งข้อมูลเท็จ จะตัดสิทธิการเข้าร่วมโครงการทั้งกลุ่ม และการประชาคมภาพรวม จะมีมาตรการเข้มงวด โดยใช้ภาพถ่ายดาวเทียมรายตำบล และแผนที่ภาษีที่ดินของ อบต. (ถ้ามี) ประกอบการประชาคมภาพรวมทุกราย และให้เกษตรกรชี้ที่ตั้งแปลงบนภาพถ่ายดาวเทียม นอกจากนั้น ในการตรวจสอบพื้นที่ จะมีการเพิ่มการสุ่มตรวจวัดพื้นที่ปลูกจาก 10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70 และตรวจสอบพื้นที่จริงด้วย GPS จาก 10% เป็น 20% โดยเน้นให้ตรวจสอบกลุ่มที่ไม่มีสัญญาเช่า หรือไม่มีเอกสารสิทธิ์มาแสดงร้อยละ 70 และ ขั้นตอนที่ 3 การออกใบรับรอง มีการเข้มงวดการพิมพ์และการจ่ายใบรับรองให้ถูกต้องและทันเวลา ซึ่งเกษตรกรที่มารับใบรับรองแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจให้ผู้ที่มารับแทนและเพิ่มคำเตือนในใบรับรอง “ให้ใช้สิทธิจำนำผลผลิตตามจำนวน ที่ได้จากการปลูกจริงเท่านั้น การขายใบรับรองและยินยอมให้ผู้อื่นใช้สิทธิในใบรับรองของตัวเอง มีความผิดตามกฎหมาย”

"กรณีที่เกษตรกรแจ้งข้อมูลเท็จ จะถูกเพิกถอนสิทธิ์การเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวจาก เดิม 1 ปี เป็น 3 ปี และมีความผิดตามกฎหมาย สำหรับผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2555/56 ระยะเวลาการขึ้นทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2555- 31 พฤษภาคม 2556 (ตัดยอดข้อมูลวันที่ 7 สิงหาคม 2556) พบว่า มีการขึ้นทะเบียนแล้ว 4,212,031 ครัวเรือน ผ่านประชาคม 4,165,028 ครัวเรือน ออกใบรับรอง 4,127,319 ครัวเรือน ดังนั้น การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องให้ความร่วมมือแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง ไม่ให้ใครมาใช้สิทธิแทน ทั้งนี้ การดำเนินโครงการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่นั้นมีเป้าหมายสำคัญเพื่อยกระดับรายได้ให้กับชาวนา รวมทั้งมีความมั่นคงและแน่นอนในราคาผลผลิตที่ขายได้" นายวราเทพ กล่าว

สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวภาคเหนือจำนวน 17 จังหวัด (ตัดยอดข้อมูลวันที่ 7 สิงหาคม 2556) พบว่า มีการขึ้นทะเบียนแล้ว 1,098,502 ครัวเรือน ผ่านประชาคม 1,078,159 ครัวเรือน ออกใบรับรอง 1,069,449 ครัวเรือน-นท-