เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยบุรีรัมย์ขานรับนโยบายโซนนิ่งเปลี่ยนข้าวเป็นอ้อย ปีนี้คาดดำเนินการได้กว่า 6 หมื่นไร่ "ยุคล" รับให้การสนับสนุนพันธุ์อ้อยและแหล่งน้ำ ยันราคารับซื้อโรงงานน้ำตาลส่งสัญญาณบวก

08 Aug 2013

กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์

นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการพบปะเสวนาการปรับเปลี่ยนพื้นที่นาที่ไม่เหมาะสมเป็นการปลูกอ้อยโรงงานแปลงเล็ก ร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกษตรกร โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ ร่วมประชุม ณ ศาลาเอนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตำบลโนนขวาง อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ว่า ขณะนี้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่มีการปลูกข้าวประมาณ 3 ล้านไร่ ได้เริ่มมีการปรับเปลี่ยนการปลูกพื้นที่มีความเหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบุรีรัมย์มีพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกอ้อยประมาณ 3 แสนไร่ โดยในปีนี้ทางจังหวัดบุรีรัมย์ได้สำรวจความต้องการของเกษตรกรที่จะปรับเปลี่ยนมาปลูกอ้อยเนื่องจากได้ราคาที่สูงกว่าการปลูกข้าวประมาณ 6 หมื่นไร่ ประกอบกับโรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์มีแผนขยายโรงงานน้ำตาลเพื่อรองรับปริมาณอ้อยที่เพิ่มมากขึ้น โดยใช้ระบบการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างเกษตรกรและโรงงานน้ำตาล 70:30 ตามพรบ.อ้อยและน้ำตาล ส่งผลให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สำหรับมาตรการที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะให้การสนับสนุนและส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยนั้น ประกอบด้วย การส่งเสริมเรื่ององค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่เกษตรกรเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่ที่สูงขึ้น และการลดต้นทุนการผลิต ส่วนในเรื่องของปุ๋ยเคมีที่ยังคงมีราคาที่สูงอยู่ในปัจจุบันและเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ต้นทุนของเกษตรกรสูงอยู่นั้น กระทรวงเกษตรฯจะเร่งรัดส่งเสริมให้มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพทดแทนปุ๋ยเคมีให้มากขึ้น รวมถึงการจัดหาแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ที่ยังขาดแคลนแหล่งน้ำนั้นก็ได้มอบหมายให้กรมชลประทานเข้ามาดูแลด้วยเช่นกัน

ขณะที่การจัดโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และการจัดหาพันธุ์อ้อยที่ดีสำหรับเพาะปลูกนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนความต้องการของเกษตรกร และมีแผนจะสนับสนุนการเปลี่ยนพื้นที่นาที่ไม่เหมาะสมสู่พืชชนิดอื่น ๆ เช่น มันสำปะหลัง และการปลูกข้าวหอมมะลิภูเขาไฟอินทรีย์ต่อไป

-กผ-