ผลวิจัยชี้รัฐทบทวนเป้าหมายเอฟทีเอไทย-อียู หวั่นได้ไม่คุ้มเสีย เปิดทางต่างชาติผูกขาดพันธุ์พืช-สัตว์

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--มูลนิธิชีววิถี

มูลนิธิชีววิถีและสช.จัดเวทีรับฟังผลศึกษาผลกระทบจากการทำข้อตกลงเอฟทีเอไทย-อียู แนะรัฐควรทบทวรเป้าหมายและความคุ้มค่าของการเจรจา หวั่นเปิดช่องให้บริษัทข้ามชาติจดสิทธิบัตรและเข้าถึงทรัพยากร ทั้งเมล็ดพันธุ์พืช สมุนไพร และจุลินทรีย์ คิดเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่เกษตรกรไทยต้นทุนพุ่ง 2-6 เท่า และสูญเสียศักยภาพของประเทศในระยะยาว หากข้อมูลไม่พร้อมควรพักการเจรจา เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมามูลนิธิชีววิถีและสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมว่าด้วยผลกระทบจากข้อเสนอความตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศและสหภาพยุโรปหรืออียู ต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ณ ห้องประชุมสานใจ 2 ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ โดยมี นพ.วิพุธ พูลเจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น กรมเจรจาการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมวิชาการเกษตร นักวิชาการ และภาคประชาสังคม ฯลฯ เข้าร่วม นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถีกล่าวว่าผลการวิจัยพบว่าถ้ารัฐบาลไทยลงนามในข้อตกลงฉบับนี้จะเสียเปรียบอียูด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรพันธุกรรมอย่างมาก เพราะอาจทำให้ต่างชาติเข้าถึงทรัพยากรเหล่านี้มากขึ้นและเกิดการผูกขาดทางการค้าและทรัพย์สินทางปัญญา โดยไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ คิดเป็น 10% ของทั้งโลก และนำมาใช้ผลิตยาสมุนไพรไทยกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี ผลิตอาหารและเครื่องสำอางคิดเป็นมูลค่า 4.8 หมื่นล้านบาท นายวิฑูรย์ กล่าวว่าเงื่อนไขที่ทางอียูเสนอให้ไทยเห็นชอบคือ 1.เป็นภาคี UPOV หรือ The International Union for the Protection of New Varieties of Plants ซึ่งเป็นองค์กรภาครัฐระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับพันธุ์พืชโดยทำให้เกษตรกรไทยต้องใช้เมล็ดพันธุ์ในราคาที่แพงขึ้น 2-6 เท่าตัว คิดเป็นมูลค่า 80,721-142,932 ล้านบาท และมีแนวโน้มบังคับให้ไทยต้องยกเลิกกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืช ซึ่งจะทำให้บริษัทต่างชาติเข้าถึงพันธุ์พืชของไทยได้ง่ายขึ้น2. เป็นภาคีสนธิสัญญาบูดาเปสต์ ซึ่งจะเปิดทางให้ต่างชาติเข้าถึงจุลินทรีย์ได้ง่ายขึ้น และประเทศไทยจะไม่สามารถสร้างเงื่อนไขเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์มาต่อรองได้อีก ตรงนี้ถือเป็นความเสียหายราว 6,570-24,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ผลกระทบระยะยาวคือจะถูกกีดกันให้ไม่นำจุลินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ทั้งที่เป็นทรัพยากรชีวภาพของประเทศไทย 3.การขยายสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิตเพราะอาจเกิดปัญหาจริยธรรมที่มนุษย์เป็นเจ้าของสิ่งมีชีวิตอื่นหรือมนุษย์ด้วยกันเอง ผูกขาดทรัพยากรพันธุกรรม กระทบเกษตรรายย่อยที่จะถูกผูกขาดการเมล็ดพันธุ์ สารเคมีรวมไปถึงระบบอาหาร นพ.วิพุธ พูลเจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบและกลไกการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ กล่าวว่าควรศึกษาเพิ่มในเรื่องทางเลือกของการทำเอฟทีเอตั้งแต่ควรทำหรือไม่ควรทำไปจนถึงควรทำในประเด็นอะไรบ้างและทำไปเพื่ออะไร นอกจากนี้จะนำเสนอผลการศึกษานี้ไปยังรัฐบาลที่ถึงแม้ปัจจุบันจะกำลังเจรจาเอฟทีเออยู่ที่เชียงใหม่ แต่ในกระบวนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศก็ยังไม่เป็นที่สิ้นสุดยังมีอีกหลายขั้นตอนที่เปิดให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและสาธารณชนเสนอข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์เข้าไปร่วมพิจารณาได้อีก ศาสตรเมธี ดร.สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า จากผลการศึกษานี้สภาที่ปรึกษาฯ มีข้อเสนอเพิ่มเติมว่ารัฐบาลควรพักการเจรจาทางการค้า (Delay) ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำได้หากพิจารณาแล้วว่ายังไม่เห็นประโยชน์จากการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศ และในปัจจุบันอียูเร่งรัฐให้รัฐบาลไทยเร่งการทำเอฟทีเออาจจะเป็นเพราะทางกลุ่มอียูกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจมาตั้งแต่ปี 2551 และยังไม่เห็นแนวทางการฟื้นฟูที่แน่ชัด ด้านนายบุญส่ง ฟักทอง สภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่าอยากให้มีการสื่อสารข้อมูลเหล่านี้ไปยังกลุ่มเกษตรกรให้ทั่วถึงเพราะจะเป็นกลุ่มที่กระทบมากที่สุด เช่นในปัจจุบันก็ได้รับผลกระทบจากการทำเอฟทีเอไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย แล้วจากกรณีราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพราะไปถูกจัดอยู่ในพืชประเภทไม่อ่อนไหว แต่ในความเป็นจริงมีความอ่อนไหวมากเพราะมาเลเซียปลูกได้ดีกว่าทำให้ต้นทุนต่ำ ราคาถูกกว่า ในขณะที่ไทยมีต้นทุนสูงกว่าทำให้ตอนนี้ที่เปิดเอฟทีเอทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำมาก ประสานงาน วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ มูลนิธิชีววิถี125/356 หมู่บ้านนราธิป ตำบลไทรม้า อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทรศัพท์ 02 985 3838 แฟกซ์ 02 985 3836 Email : [email protected]กภ-

ข่าวสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ+มูลนิธิชีววิถีวันนี้

กรมอนามัย เดินหน้าส่งเสริมสุขภาพ LGBTQ+ เชิงรุกต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวชุดความรู้เพื่อความหลากหลายทางเพศ พ.ค.นี้

นพ.ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมงานเสวนาเชิงนโยบาย "การสร้างความร่วมมือเพื่อสุขภาวะคนข้ามเพศอย่างยั่งยืน" ในการประชุมระดับชาติ : สุขภาวะของคนข้ามเพศ (ข้ามเพศมีสุข) ครั้งที่ 2 พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้แทนจากหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกรุงเทพมหานคร ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนแวนชั่น กทม. เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 โอกาสนี้

The Active ไทยพีบีเอส ร่วมกับภาคีฯ เปิดพื... The Active ไทยพีบีเอส - ภาคีฯ เปิดพื้นที่ Policy Dialogue หาทางออกแก้ฝุ่น PM2.5 — The Active ไทยพีบีเอส ร่วมกับภาคีฯ เปิดพื้นที่ระดมความเห็นทุกภาคส่วน ร่ว...

มรภ.สงขลา ลงนามความร่วมมือ สช. อบจ.สงขลา ... มรภ.สงขลา ผนึก สช.-อบจ.สงขลา-ภาคีเครือข่าย ลงนามความร่วมมือขับเคลื่อนระบบสุขภาพท้องถิ่น — มรภ.สงขลา ลงนามความร่วมมือ สช. อบจ.สงขลา และภาคีเครือข่าย ผนึกกำ...

นางญาณี รัชต์บริรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการ... สสส. ผนึกกำลัง สช. ขับเคลื่อนงานการอยู่และตายดี ในงาน "มหกรรมสร้างสุขที่ปลายทาง ครั้งที่ 4" — นางญาณี รัชต์บริรักษ์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักสร้างเสริมระบ...

สสส. ผนึกพลัง 10 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน MOU บูรณาการทำงานเชิงรุก หนุนเสริมข้อมูลวิชาการ สร้างองค์ความรู้ ขับเคลื่อนแก้ปัญหามลพิษทางสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2565 ณ โรงแรมคราวน์พลาซ่า กรุงเทพฯ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ "บูรณาการดำ...

"อนุทิน" เปิดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ย้ำบ... "อนุทิน" ปลื้ม ! WHO ยกย่องเวที 'สมัชชาสุขภาพไทย' บันทึกเป็น 'ผลงานเด่น' เผยแพร่ทั่วโลก — "อนุทิน" เปิดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ย้ำบทเรียนความสำเร็จคุมโควิ...

ในยุคปัจจุบันที่พบว่า แนวโน้มคนไทยที่มีโร... สาระดีๆ ที่ต้องแชร์ให้แม่อ่าน “ หยุดยาลดไขมัน อันตรายหรือไม่? ” — ในยุคปัจจุบันที่พบว่า แนวโน้มคนไทยที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับความอ้วนหรือการมีไขมันสะสมในร...