บริษัท โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านเวชภัณฑ์ของโลก จัดงาน “ค้นพบระดับความหวานเฉพาะตัว เพื่อการรักษาเบาหวานแต่ละบุคคลอย่างตรงจุด”โดยมี ศาสตราจารย์นายแพทย์ชัชลิต รัตรสาร จากหน่วยต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เป็นผู้บรรยายให้ข้อมูลสถานการณ์เบาหวานในประเทศไทย และการดูแลตนเองของผู้เป็นโรคเบาหวานที่ถูกวิธี เพื่อชี้ให้เห็นว่าสภาวะร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวันที่ต่างกันของผู้เป็นเบาหวานแต่ละรายนั้นทำให้การรักษาแตกต่างกัน รวมถึงความสำคัญในการเลือกเครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดที่ให้ค่าแม่นยำ เพื่อช่วยให้แพทย์จ่ายยาและรักษาโรคได้อย่างเหมาะสม ลดอัตราเสี่ยงพิการจากโรคแทรกซ้อน และลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ศาสตราจารย์นายแพทย์ชัชลิต รัตรสาร จากหน่วยต่อมไร้ท่อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “เบาหวานเป็นโรคของคนยุคใหม่ที่มีอุบัติการณ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีจากข้อมูลที่รวบรวมโดยสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation – IDF) ในปีพ.ศ. 2554 ประเทศไทยมีผู้เป็นโรคเบาหวาน4,014,000ราย และคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 5,454,000 รายภายในปีพ.ศ.2573 โดยมีแนวโน้มจะเกิดกับประชากรที่มีอายุน้อยลงโดยกว่าร้อยละ 70 ของผู้เป็นโรคเบาหวานไม่สามารถคุมน้ำตาลในเลือดได้ เนื่องจากเบาหวานเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและการใช้ชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหาร หากรับประทานแป้งมากเกินควร เป็นเหตุให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้ แต่ถ้างดอาหารหรือรับประทานทานอาหารไม่ตรงเวลา รับประทานคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ ออกกำลังกายหักโหมเกินไป และดื่มแอลกอฮอล์จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้”
นายศิริมิตร ส่งไพศาล หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเบาหวานประเทศไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โรช ไดแอกโนสติกส์ (ประเทศไทย) กล่าวเพิ่มเติมว่า “บุคคลทั่วไปกับผู้เป็นโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ผู้เป็นโรคเบาหวานบางรายเข้าใจว่าน้ำตาลในเลือดมีระดับคงที่ จริงๆ แล้ว ค่าน้ำตาลในเลือดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน ทั้งก่อนและหลังประทานอาหาร การเลือกเครื่องวัดระดับน้ำตาลควรคำนึงถึงความแม่นยำของเครื่องมือที่ใช้มากที่สุดเพราะการให้ค่าที่ผิดพลาดจะส่งผลถึงการรักษาที่ไม่ถูกต้องปัจจุบัน การตรวจวัดน้ำตาลในเลือดนั้นง่ายกว่าเดิมมีเครื่องตรวจวัดแบบพกพา ขนาดกะทัดรัด และง่ายต่อการใช้งานจำหน่ายอยู่ทั่วไป เราจึงต้องเลือกเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในเรื่องความถูกต้อง แม่นยำ และผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล อย่าง แอคคิว-เช็ค แอคทีฟของโรช เราผลิตและวิจัยค้นคว้าเทคโนโลยีตรวจวัดน้ำตาลมาตลอด 12 ปีที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากตลาดทั่วโลกด้วยISO 15197 ที่เน้นเรื่องความถูกต้องแม่นยำของค่าที่วัดได้โดยมีผู้ใช้มากกว่า 20 ล้านราย และมีจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศ”
แม้เบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ผู้เป็นโรคเบาหวานควรทำการตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกายที่เหมาะสม และการใช้ยาหรืออินซูลินตามแผนการรักษาขณะที่ความถูกต้องและแม่นยำของเครื่องจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องสะท้อนกับสภาวะจริง ซึ่งนำไปสู่การเรียนรู้และปรับพฤติกรรม เพื่อให้ควบคุมระดับน้ำตาลได้ตามเป้าหมาย
“การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับเบาหวาน มี 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ตรวจน้ำตาลสะสมเฉลี่ยในช่วง 1-3 เดือน (HbA1c) ที่ต้องตรวจในโรงพยาบาลเท่านั้น ให้ข้อมูลในแง่การควบคุมน้ำตาลในระยะยาวว่าผู้เป็นโรคเบาหวานสามารถคุมน้ำตาลได้ดีหรือไม่ พบว่าผู้เป็นโรคเบาหวานที่รักษาระดับน้ำตาลสะสมเฉลี่ยในช่วง 1-3 เดือน ให้ใกล้เคียง 7 % นั้น อัตราความเสี่ยงในการพัฒนาของโรคแทรกซ้อนจากเบาหวานลดลงและการตรวจประเภทที่สองคือ การตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเอง (Blood glucose self-monitoring)เพื่อวัดระดับน้ำตาลในเลือด ณ เวลาที่ตรวจ ซึ่งสามารถตรวจได้เองเป็นประจำ ทำให้ผู้เป็นโรคเบาหวานปรับการดูแลตนเองได้ทันทีและสามารถนำไปสู่การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ เราพบความเชื่อมโยงระหว่างการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดทั้ง 2 ประเภทด้วย ยิ่งตรวจวัดน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองเป็นประจำ ยิ่งช่วยให้ผู้เป็นโรคเบาหวานรักษาระดับน้ำตาลสะสมเฉลี่ยในช่วง 1-3 เดือน ให้ลดลงใกล้เคียง 7 % ได้ดียิ่งขึ้น เป็นผลให้ความพิการจากโรคแทรกซ้อนของเบาหวานและอัตราการตายน้อยกว่าผู้เป็นโรคเบาหวานที่ไม่ได้ตรวจการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองอย่างง่ายๆ ผู้เป็นโรคเบาหวานควรควบคุมให้ค่าน้ำตาลก่อนและหลังอาหารอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม”ศาสตราจารย์นายแพทย์ชัชลิต รัตรสาร กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง ผู้เป็นโรคเบาหวานหนึ่งรายเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่3,000 - 30,000 บาท ต่อปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ยิ่งมีโรคแทรกซ้อนค่าใช้จ่ายยิ่งเพิ่มสูงขึ้น อาทิ โรคไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 360,000 บาท ต่อปี แต่หากผู้เป็นโรคเบาหวานรู้จักดูแลตัวเองพร้อมกับใส่ใจตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำจะช่วยให้แพทย์จ่ายยาและรักษาโรคได้อย่างเหมาะสมเป็นการช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคแทรกซ้อนจึงลดภาระค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาวทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตอยู่กับเบาหวานอย่างมีความสุข
กลุ่มธนชาต MBK และพันธมิตร ผนึกกำลังมอบเงิน 9.5 ล้านบาท สมทบทุน "โครงการอาคารรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี" เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชน
ทีเอ็มบีธนชาต มอบเงิน 2 ล้านบาท แก่มูลนิธิรามาธิบดี เพื่อสนับสนุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระราชทานภาพวาด "เหมียวนำโชค" จัดทำของที่ระลึกการกุศล ฉลอง 60 ปี รามาธิบดี สมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และช่วยผู้ป่วยยากไร้
ปลดปล่อยอารมณ์ด้วยศิลปะ! ในงาน PARADISE PARK HEALTH & WELLNESS #บำบัดอารมณ์ผ่านงานศิลปะ 22 พ.ย. @พาราไดซ์ พาร์ค
Rama Channel แตะ 1,000,000 ผู้ติดตามบน YouTube ตอกย้ำบทบาทสื่อสุขภาพ จากทีมแพทย์รามาธิบดี ใกล้ชิดคนไทยยิ่งขึ้น
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จัดละครเวที "รามาดราม่า" ครั้งที่ 18 เรื่อง หวนกลิ่นราตรี รายได้สมทบมูลนิธิรามาธิบดีฯ
มูลนิธิรามาธิบดีฯ ร่วมกับ ยัสปาล กรุ๊ป สร้างสรรค์ของที่ระลึกการกุศล ในคอลเลกชั่น "The Power of Sharing พลังแห่งการให้"
เชลล์และบี-ควิก มอบเงินกว่า 2.6 ล้านบาท แก่ ร.พ.รามาธิบดี เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว