“ตราสารหนี้ในประเทศอินโดนีเซีย เป็นทางเลือกใหม่สำหรับสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจ โดยมีนักวิเคราะห์เศรษฐกิจ มองว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียน่าจะขยายตัวต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 5-6 ในช่วงปี 2556-2558 โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ BBB- จากการจัดอันดับของ Fitch และที่ระดับ Baa3 จากการจัดอันดับของ Moody’s ซึ่งถือเป็นอันดับเครดิตในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ทั้งนี้จากความมีวินัยทางการคลังของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียยังคงมีเสถียรภาพ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินภาครัฐต่อจีดีพีในระดับต่ำกว่ากลุ่มเดียวกัน เป็นจุดเด่นที่ช่วยหนุนอันดับเครดิตของประเทศ และทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นสูง ส่วนตราสารหนี้ของประเทศอินโดนีเซียที่ บลจ.กสิกรไทย เตรียมเข้าไปลงทุนในเบื้องต้น มีอันดับความน่าเชื่อถือจาก Moody’s ในระดับ Baa3 เทียบเท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ได้แก่ เงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ใหญ่อันดับ 6 ของประเทศอินโดนีเซียด้วยมูลค่าสินทรัพย์กว่า 4.7 แสนล้านบาท มีสาขาทั่วประเทศกว่า 3,300 สาขา และมีการเติบโตของสินทรัพย์ถึง 15% เทียบกับไตรมาสที่ 3 ในปี 2555 และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในปี 2556 ด้านอัตราส่วนของหนี้เสียคิดเป็น 2.2% ซึ่งลดลงจากในไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 ที่ 2.5% (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย. 2556) ดังนั้นผู้ลงทุนจึงเชื่อมั่นในคุณภาพของตราสารดังกล่าวได้” นางสาวยุพาวดีกล่าว
สำหรับตราสารที่คาดว่าจะลงทุนในเบื้องต้น สำหรับกองทุน KFI3MDU ซึ่งมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน ประกอบด้วยเงินฝากของ Garanti Bank, ประเทศตุรกี ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Fitch Ratings ที่ BBB- นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก Fitch ประเทศไทย ที่ระดับ A+, AA- และ AA- ตามลำดับ รวมทั้งยังลงทุนในเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk, ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลจาก Moody’s ที่ Baa3 โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
สำหรับกระแสตอบรับกองทุนในกลุ่มตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า ยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง สะท้อนชัดว่าผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่มากนักยังคงต้องการทางเลือกในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจเช่นนี้อยู่ ซึ่ง บลจ. กสิกรไทย ถือเป็นโอกาสที่ท้าทายสำหรับการเฟ้นหาตราสารหนี้คุณภาพดีในประเทศต่างๆ เข้ามาในพอร์ตการลงทุน เพื่อช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจให้แก่ผู้ลงทุนท่ามกลางทิศทางดอกเบี้ยซบเซาต่อไป โดยจะยังคงเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ลงทุนต่อเนื่องทุกสัปดาห์
ผู้ที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน KFI3MDU ได้ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888
begin_of_the_skype_highlightinend_of_the_skype_highlighting
BBLAM เสนอขาย IPO 'BP21/25(AI)' วันที่ 6-10 พ.ย. 2568
3BBIF เตรียมจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 36 ในอัตรา 0.137224 บาทต่อหน่วย วันที่ 22 ธ.ค. นี้
บลจ.อีสท์สปริง มองโอกาสลงทุนหุ้นอินเดียระยะยาว เปิดตัวกองทุน RMF น้องใหม่ "ES-INDAERMF" เสนอขาย 4-10 พ.ย. 68 นี้
บลจ.ทิสโก้เปิด "ทริกเกอร์ทองคำ" คาดราคาทองโลกขึ้นจาก 4 ปัจจัยหนุน
บลจ. ไทยพาณิชย์ จัดเต็มแคมเปญพิชิตภารกิจลงทุนช่วงปลายปี คัดกองทุนลดหย่อนภาษีเด่นทั้ง RMF และ Thai ESG
BBLAM เสนอขาย IPO 'BP20/25(AI)' วันที่ 31 ต.ค. - 4 พ.ย. 2568
KTAM เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนกับ 2 กองทุน RMF "KT-Technology RMF และ KT-GESG RMF" IPO 28 ต.ค.-5 พ.ย. นี้
บลจ. ทิสโก้ จัดสัมมนา "ชีวิตดี๊ดี Happy 55+" หนุนสมาชิก PVD มีชีวิตหลังเกษียณมั่นคงและมีความสุข
โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปีนี้ BBLAM ชวนคนไทยเลือกลงทุนใน RMF และ Thai ESG ให้เท่าทันสถานการณ์โลก