นักการเงินแห่งปี 2556 สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

12 Dec 2013
การเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2556 ที่กำลังวางแผงในขณะนี้ได้ประกาศผลการตัดสิน รางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” ประจำปี 2556 (Financier of the Year 2013) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ผู้บริหารในตลาดเงิน ตลาดทุน ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ครบถ้วน และมีผลงานโดดเด่น โดยในปีนี้ คณะกรรมการตัดสินรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ มอบรางวัลเกียรติยศ “นักการเงินแห่งปี” ประจำปี 2556 ให้กับ สาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ด้วยคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ

สาระ ล่ำซำ เป็นผู้บริหารบริษัทประกันชีวิตรายแรกที่ได้รับรางวัล นักการเงินแห่งปี ในรอบ 31 ปี ตั้งแต่ การเงินธนาคาร ริเริ่มรางวัลเกียรติยศ “นายธนาคารแห่งปี” มาตั้งแต่ปี 2525 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 31 ปี เพื่อยกย่องนักการเงินที่มีความโดดเด่นในแวดวงการเงินการธนาคารตลอดมา ด้วยการกลั่นกรองและพิจารณาอย่างเข้มข้นของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากการติดตามผลงานและการพัฒนาที่เกิดขึ้นในวงการธนาคารและการเงิน โดยยึดหลักเกณฑ์การพิจารณานักการเงินแห่งปี ใน 4 ด้านที่ การเงินธนาคาร กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนักการเงินแห่งปี โดย สาระ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การคัดเลือก นักการเงินแห่งปี ทั้ง 4 ข้อคือ

1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย

สาระ กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนนับตั้งแต่การเข้าทำหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ที่จะเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ที่มีความมั่นคง แข็งแกร่ง และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกกลุ่มลูกค้า จึงได้สร้างสรรค์ นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การบริการ และช่องทางการขายที่หลากหลาย

สาระ ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านหลายช่องทาง รวมทั้งได้ทำการปรับภาพลักษณ์องค์กร ส่งผลให้มีการยอมรับการประกันชีวิตในวงกว้าง ประชาชนทั่วไปยอมรับและเข้าใจถึงผลประโยชน์จากการทำประกันชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังมีผลให้การประกันชีวิตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนชีวิตของประชาชน ซึ่งไม่เพียงทำให้ทั้งธุรกิจประกันชีวิตและบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เติบโตขึ้นเท่านั้น แต่ได้สร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทอีกด้วย

2. เป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ

สาระได้นำมาตรฐานการดำเนินธุรกิจในระดับสากลจากพันธมิตร มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัท ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างเต็มที่ เพราะพัฒนาการให้บริการแก่ผู้เอาประกันให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาผลัตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายทั้งการคุ้มครอง การออมเงิน และการลงทุน ส่งผลให้ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือในการจัดการชีวิตของคนไทยได้อย่างดี และสามารถวิกฤติเศรษฐกิจการเงินได้ด้วยดี จึงถือเป็นความสำเร็จของการทำธุรกิจของบริษัทไทยภายใต้มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง

ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประกันชีวิต สาระยังมีบทบาทที่โดดเด่นคือ การผลักดันให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ทำประกันชีวิต ที่นำเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีเพิ่มจากเดิม 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท รวมถึงร่วมผลักดันให้เกิดแบบประกันบำนาญที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ เพื่อให้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาท เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจการออมผ่านประกันชีวิตมากขึ้น

3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร

เมืองไทยประกันชีวิต มีการเติบโตที่สูงขึ้นและสามารถก้าวจากอันดับที่ 8 ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของธุรกิจประกันชีวิตได้สำเร็จ และสู่บริษัทที่มีเบี้ยประกันชีวิตปีแรกสูงเป็นอันดับ 1 ในปี 2556 จากการที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประชาชนในทุกไลฟ์สไตล์ และบริการได้ครบทุกช่องทาง และในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา 2551-2555 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 30% และผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด อันดับที่ 1 จำนวน 20,873.74 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาด18.71%

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เมืองไทยประกันชีวิต มีเงินกองทุนจำนวน 54,754.93 ล้านบาท มีเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย 11,912.87 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย สูงถึง 460% ซึ่งสูงกว่า 140% เกณฑ์ขั้นต่ำตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้

4. เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม

สาระมีนโยบายหลักในการดำเนินงานอีกด้าน คือให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อตอบแทนแก่สังคมไทย เพราะตระหนักถึงความสำคัญด้านความเป็นอยู่ของประชาชนระดับฐานราก ด้วยให้ความรู้และส่งเสริมการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้พิเศษ นอกเหนือจากรายได้ประจำเพื่อเป็นการยกระดับรายได้ เพื่อให้คนในชุมชนสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะก่อให้ความยั่งยืนทางสังคม รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเมื่อต้องกับประสบภัยพิบัติต่างๆ ด้วย

สาระ สนับสนุนให้พนักงานเมืองไทยประกันชีวิตทำกิจกรรมเพื่อสังคมจำนวนมากในหลายด้านอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ โครงการ “ค่ายเมืองไทยประกันชีวิตอาสาพัฒนาชุมชน” ได้รับรางวัลที่ 1 จาก Asia Insurance Awards สาขา Corporate Social Responsibility (CSR) ซึ่งถือเป็นรางวัลสุดยอดระดับเอเชีย แสดงถึงศักยภาพที่บริษัทได้จัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนมาโดยตลอด