ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทคือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผลประกอบการของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ได้รับแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงและต้นทุนทางการเงินของบริษัทที่สูงกว่าผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นข้อจำกัดในการขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลงานที่ยังมีไม่มากในธุรกิจใหม่ 2 ประเภทอันได้แก่ ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ด้วยเช่นกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าภาวะตลาดหลักทรัพย์จะมีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มที่คงที่และไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่นอกเหนือจากความคาดหมายเกิดขึ้นในระยะปานกลาง โดยที่บริษัทจะยังคงรักษาฐานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ต่อไปได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความคาดหมายที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก ตลท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดอย่างต่อเนื่องด้วย
หลังจากการเพิ่มทุนในปี 2552 บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ก็มีฐานทุนแข็งแกร่งขึ้น ณ เดือนกันยายน 2556 ตลท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทในสัดส่วน 24.66% ตามด้วยกระทรวงการคลัง (10.56%) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (6.02%) และธนาคารออมสิน (4.92%) นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นอื่น ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ (18.12%) บริษัทหลักทรัพย์ (16.61%) บริษัทจัดการกองทุน (14.77%) บริษัทประกัน (4.30%) และอื่น ๆ (0.04%) อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 0.71% ในปี 2551 เป็น 29.3% ในปี 2552 และ ณ เดือนกันยายน 2556 สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 36.75% เนื่องจากสินทรัพย์รวมของบริษัทมีขนาดเล็กลง
ณ เดือนกันยายน 2556 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,165 ล้านบาท ในขณะที่มียอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 3,152 ล้านบาท บริษัทบันทึกผลขาดทุน 901 ล้านบาทและ 858 ล้านบาทในปี 2551 และปี 2552 ตามลำดับจากการหักขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อขาย ในปี 2553 บริษัทรายงานผลขาดทุนจำนวน 0.3 ล้านบาท ในขณะที่ในปี 2554 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียงประมาณ 1 ล้านบาท และกลับมาขาดทุนอีกจำนวน 8 ล้านบาทในปี 2555 แต่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิจำนวน 21 ล้านบาท ซึ่งความสามารถในการทำกำไรของบริษัทแข็งแกร่งกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้
บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจหลักด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ ได้แก่ ความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและความท้าทายในตลาดหลังจากที่บริษัทกลับเข้าสู่ธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ กล่าวคือ บริษัทหลักทรัพย์ได้ขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างรวดเร็วในระหว่างปี 2552 ถึงเดือนกันยายน 2556 ทำให้ขนาดของสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมขยายตัวจาก 16,000 ล้านบาทเป็น 45,000 ล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2556 ในขณะที่บริษัทมียอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพียง 3,152 ล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทก็ลดลงจาก 22%-29% ในช่วงปี 2549-2551 หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินในปี 2551 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงเป็น 14% ในปี 2552 และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับ 6% ณ เดือนกันยายน 2556 เนื่องจากบริษัทสูญเสียต้นทุนทางการเงินในระดับที่แข่งขันได้ไปจึงทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจหลักลดลง อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและการบริหารความเสี่ยงด้วยเช่นกัน
ตามแผนธุรกิจ บริษัทมีลู่ทางที่ดีในธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ แต่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป คณะผู้บริหารยังต้องการเวลาในการสร้างผลงานและบรรลุผลสำเร็จในการขยายตลาดตามแผนธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพียง 1 ล้านบาทของรายได้รวมในเดือนมกราคมถึงกันยายน 2556 เท่านั้น
บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) (TSFC)
อันดับเครดิตองค์กร: BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เปิดเผยว่าภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ มุ่งมั่นในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้ผู้นำด้าน "Tech Enabler" ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ต่อยอดความสำเร็จสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยกลุ่มบริษัท ขยายการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ราวด์ ทู โซลูชั่นส์ จำกัด (R2) ในสัดส่วนร้อยละ 75 โดย R2 เป็นผู้นำด้านที่ปรึกษาระบบ Enterprise Resource Planning
"เงินติดล้อ" ผนึกตลาดหลักทรัพย์ฯ แบ่งปันไอเดีย การสร้างสุขภาพทางการเงินที่ดีในองค์กร
—
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริ...
เปิดตัวโครงการ 'THE INFLUENCER : FINANCIAL & INVESTMENT' ครั้งแรกในไทย ยกระดับการเผยแพร่ข้อมูลการเงินการลงทุนผ่านอินฟลูเอนเซอร์คุณภาพ
—
"ออนไลน์ แอสเซ็ท" ...
"จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์ จาก Liberator" ร่วมเวทีสัมภาษณ์ในงานสมาคมนักวิเคราะห์ฯ 2568 ตัวแทนเสียงนักวิเคราะห์ไทย
—
"น้าแดง" จรูญพันธ์ วัฒนวงศ์, หัวหน้าฝ่ายวิจัย...
THNIC จับมือ SET และ ICANN จัดงาน UA Day 2025 ใช้โดเมนและอีเมลภาษาไทย ปูทางธุรกิจไทยก้าวสู่สากล
—
มูลนิธิศูนย์สารสนเทศเครือข่ายไทย (ทีเอชนิค) ร่วมกับตลาดห...
RBF โชว์ศักยภาพธุรกิจ-แผนขยายตลาด ตปท. งาน "Thailand Earning Call" ปังธง ปี 68 รายได้รวม โต 10-15%
—
นายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและก...
"FTI" Opportunity Day Year End 2024 สรุปผลงานปี 67 ฉายภาพธุรกิจปี 68 เดินหน้าขยายธุรกิจทั้ง Offline และ Online
—
ดร. วิกร ภูวพัชร์ (คนกลาง) ประธานเจ้าหน้า...
"MEDEZE" โชว์ศักยภาพธุรกิจ ในงาน Opp Day Year End 2024
—
นางสาวสุภากาญจน์ กิจโกศล ประธานเจ้าหน้าที่สายบัญชีและการเงิน บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรื...