นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด มีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจเชิงรุกด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการเชื่อมโยงกับพันธมิตรในระดับภูมิภาค เพื่อความหลากหลายของตัวเลือกการลงทุน จึงส่งผลให้ในปีที่ผ่านมามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะการลงทุนจะมีความผันผวน แต่ลูกค้ายังคงให้ความมั่นใจและไว้วางใจในการบริหารกองทุน”
ในปีที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของแต่ละธุรกิจนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจกองทุนรวมมีขนาดสินทรัพย์กว่า แสนล้านบาท เติบโตถึง 9% มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 กองทุนส่วนบุคคลมีขนาดสินทรัพย์กว่า 5 หมื่นล้านบาทเช่นกัน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 5% ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอุตสาหกรรมกองทุนส่วนบุคคล ส่วนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 13% ถือเป็นอันดับ 6 ของอุตสาหกรรมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพด้วยมูลค่าสินทรัพย์กว่า 6 หมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ 31 ธ.ค. 2556)
นอกจากมูลค่าสินทรัพย์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เรายังได้เชื่อมโยงกับสาขาอื่นๆ ในภูมิภาค และร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมที่สอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจเพื่อรองรับการลงทุนจากนักลงทุนของต่างชาติ หลังจากที่ ก.ล.ต.ได้ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนมาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อเปิดให้มีการเสนอขายกองทุนรวมข้ามประเทศในอาเซียน (ASEAN Collective Investment Scheme Framework: ASEAN CIS Framework)
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง กรรมการผู้จัดการ สายการลงทุน ได้ให้มุมมองสำหรับภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนในปีนี้ ว่า เศรษฐกิจโลกโดยรวมยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดย IMF ได้ประมาณการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 3.7% ในปี 2557 และ 3.9% ในปี 2558 สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตได้มากกว่า 2% และสูงกว่าปีก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการบริโภค ภาคที่อยู่อาศัย และการจ้างงานที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐจาก 8.5 หมื่นล้าน เป็น 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนมีความกังวลต่อผลกระทบถึงแม้จะเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและผ่านช่วงเศรษฐกิจถดถอยแล้วถึงแม้การฟื้นตัวจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาคการเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น และธนาคารกลางยุโรปยังคงมีนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง สำหรับภูมิภาคเอเชีย เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีอาเบะ (Abenomic) ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงส่งผลเชิงบวกต่อการส่งออกของญี่ปุ่น สำหรับเศรษฐกิจจีนนั้น คาดว่าจะยังเติบโตในระดับ 7-8 %ต่อปี ถึงแม้จะมีแนวโน้มชะลอลงเล็กน้อยตามเป้าหมายของรัฐบาลที่เน้นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ปัญหาสภาพคล่องและเครดิตในภาคการเงินของจีนจะยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดจีนในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนอาจนำเงินลงทุนบางส่วนไปลงทุนต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินของประเทศเกิดใหม่บางประเทศ เช่น อาร์เจนตินา รัสเซีย ตุรกี ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มมีความกังวลและนำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วมากขึ้น ทาง บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองว่าภูมิภาคที่น่าสนใจในปีนี้คือกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องในขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สูงเกินไปนักโดยดัชนีนิกเคอิของญี่ปุ่นมี P/E ประมาณ 18.2 เท่าในปีนี้เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่สูง 38 เท่า สำหรับดัชนี MSCI Euro คาดว่าจะมี P/E ประมาณ 12.7 เท่าในปีนี้ เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 14 เท่า และกำไรของบริษัทต่างๆ ในภูมิภาคดังกล่าวน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและอยู่ในภาวะฟื้นตัว ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยในปี 2557 อาจต้องเผชิญกับความผันผวนระยะสั้นจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ แต่ในระยะกลางและระยะยาว ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้จากอัตราการขยายตัวของกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น คาดการณ์การเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10-15% ในขณะที่มูลค่าหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดย P/E ประมาณ 11.5 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และ SET Index น่าจะมีโอกาสปรับตัวสู่ระดับ 1,400-1,450 จุดในปี 2557 นี้
นางสาวณัชชา สุนทรธาราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ ได้ตอกย้ำถึงแผนการตลาดในปีนี้ว่า “ด้วยความพร้อมขององค์กร การขยายฐานลูกค้าของแต่ละกลุ่มธุรกิจจึงกว้างมากขึ้น ทั้งกลุ่มลูกค้าส่วนบุคคลและลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม รวมถึงกองทุนที่มีผลตอบแทนที่โดดเด่น และผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจง พร้อมด้วยบริการที่เป็นเลิศ และได้รับความร่วมมือด้วยดีจากพันธมิตรการลงทุนและตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพ”
เราตระหนักว่าสิ่งที่สำคัญในการขยายธุรกิจอย่างมั่นคง คือการบริหารกองทุนที่โดดเด่น และนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสมกับลูกค้า ล่าสุดกองทุนรวมหุ้นไทยที่มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น จนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จากมอร์นิ่งสตาร์ (ประเทศไทย)* ได้แก่ กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์ โฟกัส อิควิตี้ ฟันด์ (UOBSDF), กองทุนเปิด ไทย บาลานซ์ ฟันด์ (TBF) และกลุ่มกองทุน LTF ซึ่งได้รับการจัดอันดับถึง 3 กองทุนจาก 5 กองทุนภายใต้การจัดการของ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด ได้แก่ กองทุนเปิด Big Cap ปันผล หุ้นระยะยาว (BIG CAP-D LTF), กองทุนเปิด บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว (CG-LTF), กองทุนเปิด แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว (VALUE-D LTF) ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อนำเสนอให้เหมาะสมกับลูกค้านั้น เรามีทีมงานที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ เพื่อสรรหาผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งที่สามารถลงทุนได้ทุกภาวะตลาดคือ กลุ่มกองทุน Core Fund ที่ได้เริ่มนำเสนอตั้งแต่ปี2012 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดเงินลงทุนใหม่กว่า 5 พันล้านบาท และในปีนี้เองได้แนะนำกองทุนเพิ่มเติม คือ กองทุนเปิด ไทย บาลานซ์ ฟันด์ (TBF) ที่มีนโยบายการลงทุนผสม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการรับความผันผวนของกองทุนหุ้นได้ทั้งหมด แต่ต้องการผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการลงทุนตราสารหนี้บ้างในภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์การเงินทางเลือกเพื่อสร้างโอกาสการลงทุนเพิ่มขึ้นด้วยการจับจังหวะการลงทุนให้เหมาะสมในแต่ละภาวะตลาดอีกด้วย
ปีที่ผ่านมาฐานลูกค้าได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกองทุนรวมมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 13% กองทุนส่วนบุคคลมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นถึง 20% ในขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพนั้นได้รับความไว้วางใจทั้งจากลูกค้าสถาบันรายใหญ่และบริษัทเอกชนชั้นนำ โดยมีการจดทะเบียนเพิ่มนายจ้างใหม่ ทำให้เพิ่มขึ้นถึง 15% จากความสำเร็จดังกล่าว เราจึงยังคงตอกย้ำกลยุทธ์แบ่งกลุ่มลูกค้า ซึ่งทำให้สามารถจัดสรรผลิตภัณฑ์และจัดให้มีทีมงานมืออาชีพที่สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนเชิงลึกเพื่อให้ตรงตามแต่ละวัตถุประสงค์การลงทุนที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการพัฒนางานบริการที่เป็นเลิศ ด้วยการริเริ่มพัฒนาระบบการทำรายการผ่านออนไลน์หรือผ่านระบบโทรศัพท์ (Mutual Fund by Phone) สำหรับบางกองทุน รวมไปถึงความร่วมมือกับสถาบันการเงิน Morningstar Thailand จัดงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับนักลงทุนและผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืน เพราะตระหนักดีว่าการตัดสินใจลงทุนนั้น ต้องพิจารณามากกว่าผลตอบแทนเพียงปัจจัยเดียว
นายวนา พูลผล ได้กล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า “ด้วยความพร้อมทั้งด้านความเชี่ยวชาญทางการลงทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ความพร้อมด้านบุคลากรทีมงานและพันธมิตรการลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในระดับภูมิภาค คาดการณ์เป้าหมายธุรกิจในปีนี้จะโตอีก 20% และจะขยายธุรกิจเชิงรุกด้วยการแสวงหาโอกาสสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนให้กับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อพร้อมจะก้าวเป็นผู้นำของบริษัทจัดการกองทุนระดับภูมิภาค (Regional Premier Asset Management)”
หมายเหตุ *ที่มา www.morningstarthailand.com ข้อมูล ณ 3 กุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งมีหลักเกณฑ์การจัดอันดับที่มิได้คำนึงถึง ผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว หากแต่มีการพิจารณาผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง รวมทั้งหักต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงนำไปเปรียบเทียบกับกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนเหมือนกัน
สมาคม ATCI ปลื้มองค์กรไทยประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ ได้รับรางวัล 'ASOCIO Award 2025' และรางวัล 'APICTA 2025'
ส.อ.ท. - ปตท. - โออาร์ ลงนาม MOU หนุน SMEs เสริมศักยภาพพลังงาน สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
Digital Emeralds ได้เปิดตัว Bangkok Gems News เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
La Clef Bangkok ชูบริการแบบ Personalized ตอบรับความต้องการเฉพาะบุคคลของนักเดินทางยุคใหม่
Kaspersky ยกระดับแพลตฟอร์มการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย รองรับ SCORM และ PDF
DMT มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG คว้า SET ESG Ratings ระดับ "AA" 2 ปีซ้อน
TIJ ผนึก WJP และ กกร. รวมพลังภาครัฐ-เอกชน ยกระดับหลักนิติธรรมไทย สร้างความเชื่อมั่นในระดับสากล
Digital Emeralds ได้เปิดตัว Bangkok Gems News เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
TASCO คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ "AA"