นายแพทย์สมศักดิ์ มุนีพีระกุล นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ของตลาดบ้านมือสองว่า ในรอบปี 2556 ที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มือสองมีอัตราการเติบโต 10-15 % แต่ในช่วงปลายปีนั้นตลาดได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองบ้างเล็กน้อย เนื่องจากประชาชนไม่มั่นใจสถานการณ์การเมือง จึงชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ผู้ซื้อบ้านบางรายตกลงราคากันไว้แล้วแต่ไม่ตัดสินใจซื้อเพราะต้องการดูทิศทางของบ้านเมืองไปก่อน สำหรับแนวโน้มของตลาดในช่วงปี 2557 นั้นยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาการเมืองว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางใด หากสถานการณ์ยืดเยื้อเชื่อว่าจะส่งผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการบริโภค และหากเกิดเหตุการณ์รุนแรงจะส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศ
“เมื่อเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย คาดว่าปัญหาทางการเมืองน่าจะทำให้ตลาดบ้านมือสองในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ไม่ดีเหมือนกับปีที่ผ่านมา ดังนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจบ้านมือสองจะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติ เนื่องจากหากเปรียบเทียบจำนวนบ้านมือสองในตลาดและความต้องการซื้อนั้นยังมีความแตกต่างกันสูงมาก เพราะในตลาดมีสินค้าประมาณ 300,000-350,000 หน่วย แต่มีความต้องการซื้อประมาณ 25 % หรือประมาณ 70,000-80,000 หน่วยต่อปี” นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว และเปิดเผยเพิ่มเติมถึงการแข่งขันของตลาดว่า ตลาดบ้านมือสองแข่งขันดุเดือดไม่แพ้อสังหาริมทรัพย์ใหม่ นอกจากบ้านประเภทต่าง ๆ ที่ประกาศขายแล้ว ยังมีทรัพย์จากกรมบังคับคดีและจากสถานบันการเงิน ในขณะเดียวกันในตลาดมีนายหน้าทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจำนวนมาก เนื่องจากเป็นอาชีพที่เข้ามาทำง่ายไม่มีกฎหมายควบคุมเหมือนกับธุรกิจอื่น และในอนาคตจะมีนายหน้าจากกลุ่มประเทศอาเซียนมาร่วมวงแข่งขันอีก ทั้งนี้ ปัจจุบันนี้มีนายหน้าต่างชาติเข้ามาทำงานในเมืองไทย โดยเฉพาะย่านถนนสุขุมวิทและเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น พัทยา ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ หัวหินฯลฯ