นายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย และ ดร.ธัชพล กาญจนกูล ประธานสภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ร่วมกันแถลงข่าวประกาศพร้อมเดินหน้าแผนปฎิบัติการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs มาตรการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อในปีแรกให้ SMEs ผ่าน โครงการPGS 5 โดย รัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระชำระ ค่าธรรมเนียมค้ำประกันแทนSMEs ปีแรก นับตั้งแต่วันที่ บสย. ออกหนังสือ ค้ำประกัน ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา หรือจนครบวงเงินค้ำประกัน หรือไม่เกิน 31 ธันวาคม 2558
“มั่นใจว่า ความร่วมมือ ระหว่าง บสย. สมาคมธนาคารไทย และสภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะส่งผลให้มาตรการนี้บรรลุเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการSMEs ช่วยลดภาระต้นทุนการดำเนินธุรกิจ จากมาตรการฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันปีแรกที่อนุมัติโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตรการนี้จะเป็นกลไกการขับเคลื่อน กระตุ้นเศรษฐกิจตลอดครึ่งปีหลัง ช่วยให้ผู้ประกอบการSMEs โอกาสเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นมาตรการ ที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน กล้าปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบ” นายวัลลภ กล่าว
คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เม็ดเงินสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าของวงเงินค้ำประกัน หรือร่วม 1 แสนล้านบาท และมีวงเงินหมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 500,000 ล้านบาท เสริมสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนให้คึกคักยิ่งขึ้น
แหล่งทุนหนุน SMEs เพิ่มขีดแข่งขัน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ให้ความสำคัญต่อกลุ่มลูกค้า SMEs เป็นอย่างมากมาโดยตลอด ปัจจุบันยังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ได้ใช้การค้ำประกันสินเชื่อ ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดี ที่จะได้ร่วมสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ลูกค้าภายใต้โครงการของ บสย. โดยรัฐบาลช่วยรองรับค่าใช้จ่ายเริ่มต้น นำไปสู่การเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งเสริมให้ SMEs เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยต่อไป
กลุ่มแบงก์รัฐ ร่วมขับเคลื่อน SMEs วาระแห่งชาติ
ดร.ธัชพล กาญจนกูล ประธานสภาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ กล่าวว่า ถือเป็นการร่วมมือช่วยกันต่อจิ๊กซอว์ ให้กับธุรกิจ SMEs ไทย เกิดความสมบูรณ์ เติบโตได้อย่างยั่งยืน อันเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย หรือวาระแห่งชาติ ของคสช. ในการให้หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทุกภาคส่วน ดั่งเช่นความร่วมมือของ 7 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและพัฒนา SMEs ซึ่งประกอบด้วย ธนาคารออมสิน กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (วว.) และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) โดยได้ร่วมมือกันผลักดันโครงการ “การส่งเสริมศักยภาพ ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยให้เติบโตอย่างยั่งยืน” เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในหลายๆ ด้านเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา