วานนี้ 9 ก.ค. 2557 นายแพทย์ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี ลงพื้นที่ อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรีย พร้อมให้กำลังใจ เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมโรคติดต่อนำโดยแมลง และมอบเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลบุณฑริกในการป้องกันควบคุมไข้มาลาเรีย โดยเน้น 4 มาตรการในการป้องกันการระบาดของโรคมาลาเรีย คือ 1.การให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เรื่องการป้องกันตัวเองจากการถูกยุงก้นปล่องกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อมาลาเรีย 2.การดำเนินการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว 3.สนับสนุนยารักษา ยากันยุง และมุ้งชุบสารเคมี แก่หน่วยงานในพื้นที่ และ มาตรการสำคัญที่สุดในการหยุดการระบาดของโรคมาลาเรียก็ คือ 4.การลดจำนวนประชาชนที่เข้าไปในป่าลึกตามแนวชายแดนซึ่งมียุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคอยู่
นพ.ศรายุธ กล่าวถึงสถานการณ์โรคไข้มาลาเรีย หรือโรคไข้จับสั่น ที่มีการระบาดในพื้นที่อำเภอบุณฑริกและอำเภอนาจะหลวย จังหวัดอุบลราชธานี ว่าจากการสอบสวนโรคทำให้ทราบว่ากลุ่มผู้ป่วยส่วนมากมีอาชีพหาของป่า มีพฤติกรรมเดินทางเข้าไปในป่าลึกตามแนวชายแดนซึ่งมียุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคอยู่ทำให้ถูกยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัด และทำให้เกิดการระบาดของโรคมาลาเรียจำนวนมาก จากรายงานสถานการณ์โรคมาลาเรีย ในพื้นที่รับผิดชอบ 7 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557 ถึงวันที่ 8 กรกฎาคม 2557 ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคมาลาเรีย จำนวนทั้งสิ้น 2,370 ราย เสียชีวิต 1 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุดคือ จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 2,185ราย ที่อำเภอบุณฑริกและนาจะหลวย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้ป่วยจำนวน 155 ราย,มุกดาหาร พบผู้ป่วยจำนวน 12 ราย,อำนาจเจริญ พบผู้ป่วยจำนวน 6 ราย,ยโสธร พบผู้ป่วย จำนวน 4 ราย ,สกลนคร พบผู้ป่วยจำนวน 5 ราย และจังหวัดนครพนม พบผู้ป่วย จำนวน 3 ราย
นพ.ศรายุธ กล่าวต่ออีกว่า ถึงแม้โรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำ จะเสี่ยงทำให้ร่างกายเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากโรคนี้เชื้อโรคจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดง หากรุนแรงจะทำให้เชื้อโรคขึ้นสมอง ประเด็นสำคัญคือประชาชนยัง ไม่ค่อยตระหนักถึงโรคนี้ เพราะไม่เคยมีการระบาดมาก่อน จึงไม่มีการป้องกัน เวลาเจ็บป่วยก็ไม่คิดว่ามาจากโรคมาลาเรีย จึงไม่ไปตรวจรักษา ทำให้อาการรุนแรงและเสียชีวิต ดังนั้น แนวทางการป้องกันประชาชนไม่ควรเข้าไปในป่าลึกและหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด ทายากันยุง สวมเสื้อผ้าหนาๆแขนยาวปกปิดใบหน้าศีรษะให้มิดชิด และงดการนอนพักแรมในป่าทึบช่วงที่มีการระบาด แต่หากจำเป็นก็ควรมีมุ้ง กันยุง หรือสุมไฟเพื่อไล่ยุงเวลากลางคืน หลังกลับจากการเข้าป่าควรสังเกตอาการของตนเอง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หากมีอาการนำคล้ายกับเป็นหวัด คือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ลักษณะของอาการไข้เรียกว่า ไข้จับสั่น คือ มีอาการหนาวสั่น ไข้สูง และตามด้วยเหงื่อออก อาการไข้แบบเป็นๆหายๆ ไข้ วันเว้นวันหรือวันเว้นสองวัน และเป็นไข้ช่วงเวลาเดิมที่เคยเป็น ก็ให้สงสัยได้เลยว่าอาจได้รับเชื้อมาลาเรีย และควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการมากและไม่มาพบแพทย์อาจเสียชีวิตได้
สคร.12 สงขลา เตือน โรคพิษสุนัขบ้า ติดเชื้อถึงตาย แนะ หากถูกสุนัขกัดให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
สคร.12 สงขลา ชวนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อป้องกัน โรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องในวันหัวใจโลก 2568
สคร.12 สงขลา เตือนผู้ปกครอง ระวังบุตรหลาน ป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV)
ลุยน้ำ ย่ำโคลน เสี่ยง เลปโตสไปโรสิส (โรคไข้ฉี่หนู) สคร. 12 สงขลา เตือน มีไข้ ปวดน่อง อย่าซื้อยาทานเอง ให้รีบพบแพทย์
สคร.12 สงขลา เตือนโรคไข้เลือดออกอันตรายในช่วงหน้าฝน แนะสังเกตอาการบุตรหลาน หากสงสัยป่วยเป็นไข้เลือดออก อย่าซื้อยากินเอง ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
สคร.12 สงขลา แนะวิธีปฏิบัติให้ปลอดภัยจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 พร้อมแนะให้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรค มือ เท้า ปาก พบบ่อยในเด็กเล็ก
สคร.12 สงขลา เตือน ระวังป่วยโรคเมลิออยโดสิส เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
สคร.12 สงขลา ร่วมรณรงค์วันไข้เลือดออกอาเซียน 2568 อาเซียนร่วมใจ สร้างอนาคตปลอดภัย ไม่ป่วยตายด้วยไข้เลือดออก