นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฤดูฝนเป็นช่วงที่สภาพถนนเปียกลื่น มีน้ำท่วมขัง และทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงและรุนแรงกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงขอแนะหลักการขับรถในช่วงฝนตก ดังนี้ การเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝน ปรับระดับความเร็วของที่ปัดน้ำฝนให้สอดคล้องกับความแรงและปริมาณฝนที่ตกลงมา รวมถึงฉีดน้ำ ล้างกระจกทุกครั้งเมื่อเปิดใช้งานที่ปัดน้ำฝนหรือมีคราบฝุ่นละอองเกาะกระจกรถ จะช่วยให้กระจกสะอาดขึ้น และลดการเสียดสีระหว่างใบปัดน้ำฝนกับกระจก ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น การใช้ความเร็ว ควรลดระดับความเร็วให้สอดคล้องกับสภาพถนนและปริมาณฝนที่ตกลงมา ขับรถให้ช้ากว่าปกติประมาณ 3 ใน 4 ของความเร็วปกติ โดยเฉพาะในช่วงที่ฝนเริ่มตกใหม่ๆ คราบดินบนพื้นถนนจะผสมกับน้ำฝน ทำให้ผิวถนนมีสภาพเป็นทางโคลน จึงเป็นช่วงที่รถเสี่ยงต่อการลื่นไถลมากกว่าปกติ เพื่อความปลอดภัย ควรขับรถในระดับความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. เพื่อป้องกันรถเหินน้ำ ที่สำคัญ ควรรักษาความเร็วในระดับที่สามารถควบคุมรถได้ จะช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดี สามารถหยุดรถและแก้ไขสถานการณ์ได้ทันที ที่เกิดเหตุฉุกเฉิน การเว้นระยะห่าง ไม่ขับรถชิดท้ายรถคันหน้ามากเกินไป เว้นระยะห่างให้มากกว่าปกติประมาณ 10 – 15 เมตร โดยเฉพาะรถขนาดใหญ่ควรทิ้งช่วงจากรถคันอื่นให้มากกว่า 15 เมตร จะช่วยให้มีระยะทางในการหยุดรถอย่างปลอดภัย การเปลี่ยนช่องทาง ขับรถในช่องทางของตนเอง ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ไม่แซงรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิด พร้อมเปิดสัญญาณไฟทุกครั้งที่เปลี่ยนช่องทาง รวมถึงเพิ่มความระมัดระวังเมื่อขับรถผ่านทางร่วมทางแยก เพราะเป็นเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่ง จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง การหยุดรถ ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่งเพื่อลดระดับความเร็วของรถ ไม่เหยียบเบรกให้รถหยุดกะทันหัน โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านบริเวณที่มีแอ่งน้ำหรือน้ำท่วมขัง เพื่อป้องกันรถเหินน้ำ ทำให้ล้อล็อก จนเสียการทรงตัว ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ การใช้สัญญาณไฟ เปิดไฟหน้ารถแม้จะเป็นช่วงเวลากลางวัน จะทำให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และรถคันอื่นมองเห็นรถเราได้จากระยะไกล ไม่ควรใช้ไฟหรี่ เพราะแสงไฟที่ส่องสว่างไม่เพียงพอต่อการมองเห็นเส้นทาง รวมถึงไม่เปิดใช้สัญญาณไฟสูง เพราะแสงไฟที่กระทบกับน้ำฝนจะส่องเข้าตาผู้ที่ขับรถสวนทางมา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่มีฝนตกหนักหรือถนนมีน้ำเฉอะแฉะ ควรเปิดใช้ไฟตัดหมอก จะช่วยลดการสะท้อนของแสงไฟหน้ารถกับน้ำบนพื้นถนน ที่สำคัญ ห้ามเปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน เพราะจะสร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ร่วมใช้เส้นทาง ทำให้ไม่มีสัญญาณไฟเลี้ยวใช้ จึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ การเรียนรู้หลักการขับรถในช่วงฤดูฝนอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงฤดูฝน
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 7 วิธี เช็กระบบไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัย รับมือหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์