นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “เคทิส” ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า ธุรกิจของกลุ่มเคทิสมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ว่าจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมต่อเนื่องในกระบวนการผลิตน้ำตาลมากขึ้น โดยจากตัวเลขรายได้จากการขายและการให้บริการงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2557 มีสัดส่วนรายได้ของการผลิตและจำหน่ายน้ำตาล 69% จากการขายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย 11% จากการผลิตและจำหน่ายเอทานอล 10% จากไฟฟ้าชีวมวล 6% และอื่นๆ 4%
“การที่เราสามารถนำผลผลิตจากอ้อยมาทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความสูญเสียน้อยมาก ส่งผลไปถึงอัตรากำไรของบริษัทที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ของกลุ่มเคทิสเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนถึง 84.73% ในขณะที่กำไรสุทธิงวด 6 เดือนเพิ่มขึ้น 35.58%” นายประพันธ์กล่าว
สำหรับรายได้รวมในไตรมาสที่ 2/2557 เท่ากับ 5,271.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 578.33 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีรายได้ 6,008.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 313.06 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าแม้รายได้จะลดลง แต่กำไรสุทธิกลับเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทสามารถลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้มากกว่าการลดลงของรายได้ โดยต้นทุนขายและบริการลดลงถึง 18.5% ส่วนรายได้ที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นเฉพาะกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ซึ่งเกิดจากลูกค้ามารับน้ำตาลล่าช้า แต่อย่างไรก็ตาม น้ำตาลส่วนใหญ่มีภาระผูกพันตามสัญญาซื้อขายกับลูกค้าแล้วแต่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ตามมาตรฐานการบัญชี
ส่วนรายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 2557 เท่ากับ 9,001.84 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,165.34 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีรายได้ 10,742.89 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 859.50 ล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเคทิสกล่าวถึงโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจากชานอ้อยว่า โรงไฟฟ้าในปัจจุบันของกลุ่มเคทิสมีกำลังการผลิตประมาณ 60 เมกะวัตต์ แต่ที่กำลังดำเนินการใหม่อีก 2 โรง จะมีกำลังการผลิตโรงละ 50 เมกะวัตต์ รวมเป็น 100 เมกะวัตต์ โดยทั้ง 2 แห่งจะอยู่ในพื้นที่ติดกับโรงงานน้ำตาล จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของเชื้อเพลิงชานอ้อยที่จะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่โครงการแรกอยู่ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จะใช้เงินลงทุนประมาณ 960 ล้านบาท ส่วนโครงการที่สองอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 960 ล้านบาทเช่นกัน
“โรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่ 2 โครงการนี้ จะใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถผลิตไอน้ำแรงดันสูง ซึ่งทำให้ผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าเทคโนโลยีการผลิตไอน้ำแรงดันต่ำ เมื่อเทียบจำนวนเชื้อเพลิงเท่าๆ กัน ซึ่งแม้ว่าจะต้องลงทุนสูงกว่าในระยะแรก แต่ความคุ้มค่าของการลงทุนจะมีมากกว่าในระยะยาว” นายประพันธ์กล่าวและย้ำด้วยว่า นอกจากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่จะสร้างรายได้และผลกำไรที่มากขึ้นให้กับกลุ่มเคทิสแล้ว ยังสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าในอนาคตที่จะเพิ่มขึ้นจากโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำตาลและธุรกิจต่อเนื่องอื่นๆ ด้วย
TSE คว้ารางวัลพลังงานยอดเยี่ยม Thailand Energy Award 2 ปีซ้อน เดินหน้าธุรกิจพลังงานหมุนเวียน หนุนเป้าโตยั่งยืน
กลุ่ม KTIS ได้ธุรกิจเยื่อกระดาษและไฟฟ้าหนุนงบไตรมาส 2 ปี 2568 ชี้ผลบวกจากปริมาณน้ำตาลที่มากกว่าปีก่อน 31.4% จะรับรู้รายได้มากขึ้นในไตรมาสที่ 3 - 4
ACE ไตรมาสแรกโตเด่น กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิจากกิจกรรมปกติเพิ่มขึ้นกว่า 30% คาดปี 68 เปิด COD เพิ่มอีก 20 โครงการ 126.92 เมกะวัตต์
TGE กางแผนปี 68 ลุยสร้างโรงไฟฟ้าขยะ 4 แห่ง คาด COD ปี69 พร้อมเป็นหนึ่งในผู้นำโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะชุมชน ศึกษาลงทุนพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ดันอนาคตเติบโตยั่งยืน
KTIS พร้อมเปิดหีบ 15 ธ.ค.นี้ คาดได้อ้อยอย่างน้อย 6.5 ล้านตัน หนุนผลประกอบการปี 2568 โตเด่น ทั้งสายธุรกิจน้ำตาล ไฟฟ้า และบรรจุภัณฑ์ชานอ้อย 100%
TPCH สุดแกร่ง! โชว์กำไร 9 เดือนปี 67 แตะ 254.15 ลบ. รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล-พลังงานขยะ กำลังผลิต 90.2 MW บอร์ดใจดีแจกปันผลระหว่างกาล 0.128 บ./หุ้น
Krungthai COMPASS ชี้แผนพีดีพีฉบับใหม่ หนุนรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2580
ผู้บริหารกลุ่ม KTIS มั่นใจปี 2568 ผลการดำเนินงานจะดีกว่าปี 2567
KTIS คาดผลผลิตอ้อยปลายปีนี้มากกว่าปีก่อน 15-20% หนุนผลประกอบการปี 2568 เติบโต