บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 พ.ค. นี้

07 May 2014
บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย ภายใต้เครื่องหมายบริการ “มีบ้าน มีรถ เงินสดทันใจ” พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 พ.ค.นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 6,900 ล้านบาท

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 นี้

SAWAD และบริษัทย่อยดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน ได้แก่ สินเชื่อทะเบียนรถเก่าทุกประเภท บ้านและโฉนดที่ดิน สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ และสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ด้วยจุดเด่นในการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และการเข้าถึงลูกค้าอย่างใกล้ชิด ผ่าน 602 สาขาทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ

SAWAD มีทุนชำระแล้ว 1,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 750 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 250 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 6.90 บาท เมื่อวันที่ 28 – 30 เมษายน 2557 มีมูลค่าระดมทุน 1,725 ล้านบาท โดยมีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการ บมจ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนโดยจะนำเงินที่ได้ไปขยายการปล่อยสินเชื่อและเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงชำระคืนหนี้เงินกู้บางส่วน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท และช่วยยกระดับการดำเนินงานสู่การเป็นบริษัทมหาชน อีกทั้งยังเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดสินเชื่อทะเบียนรถในอนาคตอีกด้วย

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SAWAD 3 ลำดับแรก ได้แก่ ครอบครัวแก้วบุตตา ถือหุ้น 60.51% นายมงคล สุนทรสุข ถือหุ้น 3.75% นายวีรศักดิ์ คุณผลิน และนายสุทธิศักดิ์ ชัยประดิษฐ ถือหุ้นรายละ1.50% ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio ) 11.90 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิปี 2556 หารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.58 บาท และหากเปรียบเทียบค่า P/E Ratio เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (19 มีนาคม 2557 – 18 เมษายน 2557) จะเท่ากับ 15.59 เท่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนดผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.meebaanmeerod.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th