สายการบินเดลต้า จะขยายฝูงบินตระกูล เอ320 ด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินโดยสารรุ่นเอ 321 ซีโอเป็นจำนวน 15 ลำ (เครื่องยนต์ปัจจุบัน) เพื่อชดเชยเครื่องบินที่จะถูกปลดระวาง สายการบินได้เลือกใช้เครื่องยนต์ CFM56-5B ของบริษัทซีเอฟเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ให้แก่เครื่องบินใหม่ที่ทำการสั่งซื้อนี้ ซึ่งกำหนดการส่งมอบเครื่องบินจะเริ่มขึ้นในปี 2561 เป็นต้นไป บริษัท ซีเอฟเอ็ม อินเตอร์เนชั่นเนล เป็นการร่วมทุนคนละครึ่งระหว่าง บริษัท สเนคมา ในกลุ่มบริษัทซาฟราน (Snecma (Safran)) และบริษัทจีอี (GE)
ปัจจุบันสายการบินเดลต้าให้บริการแก่ผู้โดยสารด้วยฝูงบินขนาดใหญ่ของแอร์บัส ประกอบไปด้วยเครื่องบินตระกูล เอ320 จำนวน 126 ลำ และเครื่องบิน เอ330 จำนวน 32 ลำ คำสั่งซื้อในวันนี้ทำให้สายการบินเดลต้า มีเครื่องบินคงค้างที่จะรับมอบเป็นเครื่องบินทางเดินเดี่ยวของแอร์บัสในรุ่น เอ321 ถึง 45 ลำ และเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่น เอ330 อีก 10 ลำ
“เครื่องบิน เอ321 เป็นเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพในเรื่องความประหยัดและการนำเครื่องบินรุ่นนี้มาแทนที่เครื่องบินที่จะปลดระวางทำให้แน่ใจว่าจะได้รับโอกาสเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้มากขึ้นยกระดับความพึงพอใจของลูกค้าและเพิ่มมูลค่าของผู้ถือหุ้นให้แก่เดลต้า” มร. นาธาเนียล ไพเพอร์ รองประธาน ฝ่ายการจัดการและกลยุทธฝูงบินของสายการบินเดลต้ากล่าว
“แอร์บัสรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มอบเครื่องบินที่มีความสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพที่ตอบสนองตรงกับความต้องการด้านเป้าหมายทางการเงินและความพึงพอใจของลูกค้าให้แก่สายการบินเดลต้า” มร. จอห์น เลฮี หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการลูกค้าสัมพันธ์กล่าว “เป็นที่ชัดเจนว่า ด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบายและความประหยัดของเครื่องบิน นั้นมีความเหมาะสมอย่างลงตัว”
เครื่องบินเอ 321 ของเดลต้าทั้งหมดจะมาพร้อมกับชาร์คเล็ทส์ (Sharklets) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ปลายปีกทำจากวัสดุผสมที่มีน้ำหนักเบาช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง สามารถลดอัตราการเผาผลาญเชื้อเพลิงได้ถึงร้อยละ 4 ด้วยประโยชน์นี้มอบความยืดหยุ่นแก่สายการบินให้สามารถเลือกได้ระหว่างการเพิ่มพิสัยการบินได้ไกลขึ้นถึง 100 ไมล์ทะเล/185 กิโลเมตร หรือการเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนักของเครื่องบินอีกได้เกือบ 1,000 ปอนด์ (มากถึง 450 กิโลกรัม)
เครื่องบิน เอ321 หลายลำที่จะส่งมอบให้เดลต้านั้น จะถูกประกอบขึ้นในสายการผลิตเครื่องบินตระกูล เอ320ใหม่ของแอร์บัสที่เมืองโมบิล รัฐอลาบามา ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มทำการประกอบเครื่องบินได้ในปีหน้า ภายในปี 2560 คาดว่าโรงงานประกอบเครื่องบินแห่งใหม่ที่เมืองโมบิลนี้ จะสามารถผลิตเครื่องบินได้ 4 ลำ ต่อเดือน
บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำด้านธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร ได้ดำเนินการทดสอบระบบผนังกระจกอาคาร (Curtain Wall and Glazed Assemblies) ของโครงการศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานคุณภาพงานก่อสร้างสู่ระดับสากล การทดสอบครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงงานของบริษัท วาย เอช เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยมีผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจาก
FTI ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านระบบบำบัดน้ำ จัดสัมมนาใหญ่ "Future Water Solutions 2025"
—
ดร. วิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เ...
พีดีเฮ้าส์ เปิดตัวบ้านสไตล์ Modern English เรียบหรู งดงามเหนือกาลเวลา
—
บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิ์และผู้บริหารมาตรฐานศูนย์รั...
"JAS" คิกออฟความยิ่งใหญ่การถ่ายทอดสด "พรีเมียร์ลีก-เอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ" ฤดูกาลใหม่ผ่านงาน "New Season New Home"
—
สุดทึ่ง!!! เปิดราคาแพ็กเกจ 299 บาทต่อเดื...
FTI เปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ เจาะตลาด "เครื่องทำน้ำอ่อน-เครื่องทำน้ำร้อนน้ำเย็น-ปั๊มน้ำ"
—
"ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล" เปิดตัว "เครื่องทำน้ำอ่อน-เครื่องท...
เปิดโลกผจญภัยของคนรักหมา! พบ 6 กิจกรรมสุดมันส์ที่ Dog Show 2025 เช็กอินความสนุก 26-29 มิ.ย. นี้ ณ ฮอลล์ 5-6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
—
เตรียมตัวให้พร้อม แล้วจ...
"ฮอนด้า วันเมคเรซ"2025 ลุ้นแชมป์เข้มข้น "เคนตะ-ธนาศิวณัฐ" แบ่งชัยชนะสนาม 2 "ประพจน์" เบิ้ลโพเดียมครองจ่าฝูงคะแนนสะสม
—
ศึกรถยนต์ทางเรียบแถวหน้าของไทย รายก...