ในส่วนแรกผลของการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 18.13 บาท/กก. เป็น 22.63 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2557 สรุปได้ดังนี้ GDP ณ ราคาคงที่ จะลดลง 0.03% จากแนวโน้มเดิม (เช่น ถ้าคาดว่า เศรษฐกิจปี 2557 จะโต 3.00% ด้วยผลของการปรับราคาก๊าซหุงต้ม เศรษฐกิจปี 2557 จะโต 2.97%) ขณะที่GDP ที่เป็นตัวเงิน เพิ่มขึ้น 0.04% (หรือเพิ่มขึ้น 4,760 ล้านบาท) ดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.09% การบริโภคครัวเรือน ณ ราคาคงที่ ลดลง 0.13% การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงินลดลง 0.04% (หรือลดลง 2,593 ล้านบาท) อรรถประโยชน์หรือความพอใจครัวเรือนลดลง 0.39% ชั่วโมงการจ้างงานลดลง 0.05% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือนลดลง 18.45% ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการลดลง 22.03% การนำเข้า LPG ลดลง 5.92% (อัตราการนำเข้า LPG มีแนวโน้มจะลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ปี) การใช้ไฟฟ้าของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น 3.04% และการใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.90%
สาขาเศรษฐกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟืนและถ่าน ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ป่าไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า และโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน
ขณะที่สาขาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบจากนโยบายมากที่สุด ได้แก่ ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีกก๊าซหุงต้ม) และภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)
ผลของการปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขึ้นจาก 18.13 บาท/กก. เป็น 22.63 บาท/กก. ต่อเศรษฐกิจปี 2557
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ |
%การเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิม |
GDP ณ ราคาคงที่ (Real GDP) |
-0.03 |
GDP ที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) |
+0.04 |
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) |
+0.09 |
การบริโภคครัวเรือน ณ ราคาคงที่ |
-0.13 |
การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงิน |
-0.04 |
อรรถประโยชน์ครัวเรือน (Utility) |
-0.39 |
ชั่วโมงการจ้างงานเฉลี่ย |
-0.05 |
ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือน |
-18.45 |
ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการ |
-22.03 |
การนำเข้า LPG |
-5.92 |
การใช้ไฟฟ้าของภาครัวเรือน |
+3.04% |
การใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือน |
+1.90 |
อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น |
อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนลดลง |
ฟืนและถ่าน |
ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีกก๊าซหุงต้ม) |
ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล |
ภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร) |
ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน |
|
ป่าไม้และผลิตภัณฑ์จากป่า |
|
โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน |
|
ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ |
%การเปลี่ยนแปลงจากแนวโน้มเดิม |
GDP ณ ราคาคงที่ (Real GDP) |
-0.009 |
GDP ที่เป็นตัวเงิน (Nominal GDP) |
+0.007 |
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) |
+0.03 |
การบริโภคครัวเรือน ณ ราคาคงที่ |
-0.08 |
การบริโภคครัวเรือนที่เป็นตัวเงิน |
-0.05 |
อรรถประโยชน์ครัวเรือน (Utility) |
-0.24 |
ชั่วโมงการจ้างงานเฉลี่ย |
-0.01 |
ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของครัวเรือน |
-8.65 |
ปริมาณการใช้ก๊าซหุงต้มของภาคบริการ |
-10.40 |
ปริมาณการใช้ LPG ของภาคขนส่งทางถนน |
-16.98 |
ปริมาณการใช้ LPG ของรถยนต์ส่วนตัว |
-18.71 |
การนำเข้า LPG |
-5.84 |
การใช้ไฟฟ้าของครัวเรือน |
+1.31 |
การใช้ถ่านและฟืนของครัวเรือน |
+0.87 |
การใช้เชื้อเพลิงของภาคขนส่งทางถนน |
-0.48 |
การใช้เชื้อเพลิงของรถยนต์ส่วนตัว |
-0.13 |
อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น |
อุตสาหกรรมที่ได้ผลตอบแทนลดลง |
ฟืนและถ่าน |
ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีก LPG) |
ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล |
ขนส่งทางถนน |
ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน |
ภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร) |
โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน |
|
ไบโอดีเซลและเอทานอล |
|
สาขาเศรษฐกิจที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย 5 อันดับแรก ได้แก่ ฟืนและถ่าน ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน และไบโอดีเซลและเอทานอล
ขณะที่สาขาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบทางลบจากนโยบาย 3 อันดับแรก ได้แก่ ค้าปลีก (โดยเฉพาะค้าปลีก LPG) ขนส่งทางบก และภาคบริการ (โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร)
ในส่วนของระดับจุลภาคพบว่า ปริมาณการใช้ LPG ของครัวเรือน ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจขนส่งทางถนน ลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้การใช้พลังงานในภาคขนส่งลดลง การนำเข้า LPG มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันก็มีการหันไปใช้พลังงานอื่นๆ เช่น ถ่านและฟืน ไฟฟ้า น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ