ทั้งนี้ ปตท. ได้จัดตั้ง “ศูนย์ติดตามผลกระทบการปฏิบัติงาน กรณีแหล่งก๊าซเจดีเอปิดซ่อมบำรุง” ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยมีการสื่อสารและวีดิโอทางไกลเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ติดตามผลกระทบฯ ที่ จ.กรุงเทพฯ และ จ.สุราษฏร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าเป็นรายวัน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ โดยในช่วง 10 วันแรก (13-22 มิถุนายน 2557) ซึ่งปริมาณก๊าซเอ็นจีวีมีจำกัด ปตท.จำเป็นต้องปิดสถานีบริการเอ็นจีวีชั่วคราว รวม 4 แห่ง ดังนี้ วันที่ 13-22 มิถุนายน 2557 ปิดให้บริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ทักษิณออยล์ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี, สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และ สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. สายแก้วปิโตร 1999 ถ.ราษฎร์อุทิศ อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา และวันที่ 13 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557 สถานีบริการเอ็นจีวี ปตท. จะนะ อ.จะนะ จ.สงขลา (ปิดตลอดช่วงซ่อมบำรุง) ซึ่งจากรายงานล่าสุดมีแนวโน้มว่า ปตท. จะสามารถสำรองก๊าซธรรมชาติไว้ในระบบ (Line Pack) เพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะสามารถทยอยจ่ายให้กับสถานีบริการฯ เพิ่มจากแผนที่วางไว้ในช่วง 18 วันถัดมา (23 มิถุนายน-10 กรกฎาคม 2557) เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถเอ็นจีวีได้มากขึ้น โดย ปตท. จะติดตามสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
“โอกาสนี้ ปตท. ใคร่ขอเชิญชวนประชาชนในทุกพื้นที่ร่วมใจกันประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 วันแรก ขอความกรุณาผู้ใช้รถยนต์ที่มีเชื้อเพลิง 2 ระบบ (น้ำมันและก๊าซเอ็นจีวี) โปรดใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแทน หรือเลือกใช้สถานีบริการเอ็นจีวีในเขตแนวท่อ เนื่องจาก ปตท. ต้องจัดสรรและขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจากส่วนกลางเพื่อช่วยให้พี่น้องชาวใต้มีพลังงานใช้ไม่ขาดแคลน และขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยัง จ.สุราษฏร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา เดินทางด้วยความระมัดระวังเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน รวมทั้งโปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิงล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง”นายชาครีย์ กล่าวเสริมในตอนท้าย
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PTT Contact Center โทร.1365 หรือศึกษาข้อมูลสถานีบริการได้ที่ www.pttmap.com และ www.pttplc.com