ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

14 Nov 2014
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F2(tha)’ ของบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตของ ASP พิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวบริษัทเอง โดยอันดับเครดิตได้รับการสนับสนุนจากผลการดำเนินงานและเครือข่ายธุรกิจที่ดีของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม อันดับเครดิตยังได้สะท้อนถึงความเสี่ยงของบริษัทต่อความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ ความเสี่ยงด้านตลาดจากการลงทุนของบริษัท (trading activities) และแนวโน้มการปรับตัวลดลงของอัตราค่าธรรมเนียมในอุตสาหกรรมนายหน้าค้าหลักทรัพย์ที่มีการแข่งขันที่สูง

ASP มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 4% ในด้านนายหน้าค้าหลักทรัพย์ แหล่งที่มาของรายได้ของบริษัทมีการกระจายตัวอย่างพอสมควร โดยประมาณครึ่งหนึ่งของรายได้รวมมาจากค่าธรรมเนียมนายหน้าค้าหลักทรัพย์ และอีกประมาณครึ่งหนึ่งจาก วาณิชธนกิจ (investment banking) การลงทุนของบริษัท (trading) และการจัดการกองทุน (asset management)

ผลการดำเนินงานของ ASP มีความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทสามารถรับมือได้กับภาวะอุตสาหกรรมที่ปรับตัวอ่อนแอลง และสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้ อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทปรับตัวลดลงเป็น 16% ในครึ่งแรกของปี 2557 จาก 30% ในครึ่งแรกของปี 2556 เนื่องจากสภาวะตลาดที่อ่อนแอลงเมื่อเทียบกับปี 2556 อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานธุรกิจหลักของบริษัทยังคงมีกำไร ในขณะที่สภาพคล่องและระดับเงินกองทุนยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจเนื่องจากบริษัทมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้โดยรวมในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ 46% ยังคงอยู่ในระดับที่ดีและสูงกว่าอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ของอุตสาหกรรมซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 31%

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

การลดลงอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของ ASP อาจส่งผลทางลบต่ออันดับเครดิต การลดอันดับเครดิตยังอาจเกิดขึ้นได้จากการลดลงของรายได้อย่างต่อเนื่อง ระดับหนี้สินที่ปรับตัวสูงขึ้น หรือการที่บริษัทมีปัญหาด้านสภาพคล่อง โดยเฉพาะเมื่อปัจจัยดังกล่าวของบริษัทอยู่ในระดับที่แย่กว่าเมื่อเทียบกับแนวโน้มอุตสาหกรรม การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของบริษัทในการทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหรือการพึ่งพาแหล่งที่มาของรายได้เพียงแหล่งเดียวมากเกินไปโดยไม่มีการเพิ่มระดับการป้องกันความเสี่ยง อาจส่งผลทางลบต่ออันดับเครดิตเช่นกัน

หากบริษัทมีการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างมากและมีผลการดำเนินงานที่มั่นคงตลอดวัฎจักรอุตสาหกรรม ซึ่งอาจสะท้อนได้จากการที่บริษัทมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ลดลง ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดการปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากอันดับเครดิตของ ASP อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นในประเทศไทย