“เอไซ” ตั้งไทยเป็นศูนย์กลางบุกตลาดอินโดไชน่า พร้อมแนะรัฐส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

07 Nov 2014
เอไซ” รุกขยายตลาดยาในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในช่องทางใหม่ๆของตลาดยาในประเทศไทย ชูกลยุทธ์บริการเพื่อสังคมเป็นจุดแข็งในการบุกตลาด มุ่งเน้นให้ความรู้ด้านสุขภาพฟรี ผ่านกิจกรรม “เอไซ เดย์” ที่จัดมาต่อเนื่องถึง 10 ปี พร้อมแนะภาครัฐส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ

ภก.ณัฐพันธุ์ นิมมานพัชรินทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไซ ประเทศไทย มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงการดำเนินงานของเอไซ ประเทศไทย ในรอบปี 2557 ว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มโรงพยาบาลเอกชน กลุ่มร้านขายยา และกลุ่มโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ในขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลของภาครัฐมีอัตราการเติบโตที่ลดลง ขณะเดียวกันจากการที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นได้ตั้งให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคอินโดจีน โดยมีตลาดหลักคือ เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา และลาว ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้อีกทางหนึ่ง โดยมีรายได้จากกลุ่มประเทศอินโดจีนประมาณ 300 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากปีก่อนถึง 30% ขณะที่ตลาดในประเทศไทยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9% และเติบโตกว่าภาพรวมของตลาดยา ที่มีอัตราการเติบโตเพียง 3-4% เท่านั้น

สำหรับทิศทางการทำตลาดของเอไซในปี 2558 นั้น บริษัท ยังคงมุ่งมั่นในการขยายช่องทางการตลาดในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชน ร้านขายยา และโรงเรียนแพทย์ เป็นหลัก พร้อมกับพัฒนาตัวยาใหม่ๆ เพื่อนำพาตัวยาเหล่านั้นไปสู่การรักษาใหม่ๆ ในการดูแลผู้ป่วยและครอบครัว ให้เข้าถึงการรักษาได้อย่างง่ายดาย แท้จริง เพื่อชีวิตที่ดีกว่า โดยกลยุทธ์หลักที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเอไซ ก็คือ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ในชื่อ เอไซ เดย์ (Eisai Day) ซึ่งจัดมาอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปีเต็มในปีนี้ โดยปีนี้ได้จัดกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่เพื่อฉลองในโอกาสที่เอไซ ประเทศไทย มาร์เก็ตติ้ง ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาถึง 45 ปี โดยผู้ป่วย ลูกค้า และบุคคลทั่วไป ที่มาร่วมกิจกรรม เอไซ เดย์ ในแต่ละปี จะได้รับความรู้ ความเข้าใจ กับเรื่องใหม่ๆในการดูแลรักษาสุขภาพ

ภก.ณัฐพันธุ์ ยังได้กล่าวถึงการแข่งขันของตลาดยาในปัจจุบันว่า ในปีหน้าจะเป็นปีที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรง ด้วยข้อจำกัดทางด้านงบประมาณการดูแลสุขภาพของภาครัฐ แต่บริษัทก็ยังมีความมั่นใจในเรื่องคุณภาพยาของเอไซ โดยเฉพาะยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ที่เอไซเป็นผู้นำตลาดทั้งในไทยและทั่วโลก หรือยารักษามะเร็งเต้านม ที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ที่จะสามารถสร้างการเติบโตให้กับเอไซ ได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เปิดการค้าเสรีอาซียนแล้ว โอกาสทางการแข่งขันก็จะสูงมากขึ้น ซึ่งหากหน่วยงานภาครัฐหันมาส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามารักษาในเมืองไทยที่เรามีความได้เปรียบในเรื่องความเชี่ยวชาญของแพทย์ ค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า และบริการที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านแล้ว น่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดทางการรักษาพยาบาลและตลาดยาของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ประเทศไทยก็จะเพิ่มขึ้นด้วย