คณะสาธารณสุขศาสตร์ ราชภัฏโคราช รณรงค์ยุติปัญหาเอดส์ ในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา”

11 Dec 2014
คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์และเพศสัมพันธ์” เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ณ ลานกิจกรรม อาคาร 31 ชั้น 1 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์เรืองชัย บุญศักดิ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร เป็นประธานในพิธี กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยนักศึกษาร่วมกันเดินรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลก การแสดงรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ จาก นักศึกษาคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล และวิทยาลัยเทคโนโลยีพนมวันท์ ชมการจัดนิทรรศการของนักศึกษา และการเสวนาให้ความรู้ ตอบคำถามชิงรางวัลมากมาย
คณะสาธารณสุขศาสตร์ ราชภัฏโคราช รณรงค์ยุติปัญหาเอดส์ ในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา”

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ในวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี ได้กำหนดให้เป็นวันเอดส์โลก โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) จึงได้กำหนดกรอบในการรณรงค์วันเอดส์โลก เมื่อปี ค.ศ. 2011-2015 ว่า “Getting to Zero” ได้แก่ “Zero new HIV infection, Zero AIDS-related deaths and Zero discrimination หรือ “การไม่มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ไม่มีการตายเนื่องจากเอดส์ และไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ” และเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมกันรณรงค์เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นการสร้างกระแสความตื่นตัว และส่งเสริมให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาการแพร่ระบาด และผลกระทบจากเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เล็งเห็นความสำคัญของโรคนี้ จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันเอดส์โลกภายใต้กรอบ “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์และเพศสัมพันธ์” พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ และเพศสัมพันธ์ แก่นักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย นักศึกษาเครือข่ายสาธารณสุขศาสตร์ และประชาชนทั่วไป เพื่อได้รับความรู้ในการการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในอนาคตขึ้น

คณะสาธารณสุขศาสตร์ ราชภัฏโคราช รณรงค์ยุติปัญหาเอดส์ ในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา” คณะสาธารณสุขศาสตร์ ราชภัฏโคราช รณรงค์ยุติปัญหาเอดส์ ในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา” คณะสาธารณสุขศาสตร์ ราชภัฏโคราช รณรงค์ยุติปัญหาเอดส์ ในวันเอดส์โลก “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา”