สำนักโลจิสติกส์ กพร. ลดต้นทุนภาคอุตฯ กว่า 3,500 ล้านบาท ยึดอันดับ 3 ในอาเซียน มั่นใจอนาคตศักยภาพระดับผู้นำอาเซียน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          สำนักโลจิสติกส์ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม มุ่งลดต้นทุนโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรม คาดปี 2557 ต่ำกว่า 7% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,500 ล้านบาท ดึงผู้ประกอบการรายใหม่เข้าร่วม เผยระบบโลจิสติกส์ไทย อันดับ 3 อาเซียน เป็นผู้นำกลุ่ม CLMV เชื่อพร้อมยกระดับขึ้นเป็นผู้นำอาเซียน
          นายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ ยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลดต้นทุนภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการในภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี โดยในปี 2557 จากการสำรวจพบว่า ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายของกลุ่มอุตสาหกรรมลดลงอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
          ทั้งนี้ ในปี 2555 พบว่า ต้นทุนโลจิสติกส์ต่อยอดขายอยู่ที่ 7.27% ลดจากปีก่อนหน้านั้นซึ่งอยู่ที่ 8.47% ขณะที่ในปี 2557 คาดว่า จะมีต้นทุนโลจิสติกส์ลดลงต่ำกว่า 7% โดยเมื่อพิจารณาส่วนประกอบแล้ว ต้นทุนโลจิสติกส์ประกอบด้วยต้นทุนสินค้าคงคลัง ต้นทุนการขนส่งสินค้า และต้นทุนบริหารจัดการ ซึ่งส่วนของต้นทุนสินค้าคงคลังนั้นยังสามารถลดลงได้อีกมาก
          “กระทรวงอุตสาหกรรมได้มอบหมายให้สำนักโลจิสติกส์ หน่วยงานภายใต้สังกัด กพร. ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยลดต้นทุนโลจิสติกส์ลงอย่างต่อเนื่องทุกปีผ่านโครงการต่าง ๆ จากนั้นจะมีการเก็บข้อมูลซึ่งเชื่อว่า ปี 2557 จะลดลงต่ำกว่า 7% แน่นอน” นายอาทิตย์กล่าว
          นายปณิธาน จินดาภู อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า จากผลการดำเนินงานในเบื้องต้นพบว่า การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ภาคอุตสาหกรรมกว่า 30 โครงการของสำนักโลจิสติกส์ ช่วยลดต้นทุนได้กว่า 3,500 ล้านบาท พัฒนาบุคลากรกว่า 7,500 คน ดึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายใหม่มากกว่า 500 รายเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานด้านโลจิสติกส์ของไทย
สำหรับการพิจารณาระบบโลจิสติกส์ในภาคอุตสาหกรรมไทย พบว่า ภาพรวมอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน เป็นผู้นำในกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม จุดเด่นของไทยคือผู้ประกอบการมีการนำระบบโลจิสติกส์และระบบไอทีมาใช้ในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและสามารถลดต้นทุนในภาคอุตสาหกรรมได้
          อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าระบบโลจิสติกส์ของไทยยังเป็นรองมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งมีการใช้งานระบบไอทีอย่างเข้มข้นและมีโครงสร้างพื้นฐานที่สมบูรณ์กว่า แต่หากพิจารณาจากผลผลิตหรือผลิตภาพ (Productivity) ของภาคอุตสาหกรรมแล้ว ประเทศไทยมีอัตราผลิตภาพที่สูง ดังนั้น หากมีการเร่งรัดพัฒนาด้านโลจิสติกส์และโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของ กพร. และสำนักโลจิสติกส์ เชื่อว่าในอนาคตไทยสามารถยกระดับมาตรฐานขึ้นอยู่ในระดับผู้นำอาเซียนได้อย่างแน่นอน
          “เรื่องภาษาอังกฤษ และการนำระบบไอทีไปใช้งานในภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังพัฒนาขึ้นตามมาเลเซีย แต่ถ้าในเรื่องผลิตภาพของภาคอุตสาหกรรมไทยทำได้ดีกว่า ดังนั้น อนาคตการจะแซงหน้ามาเลเซีย ในด้านการจัดการโลจิสติกส์จึงมีความเป็นไปได้” นายปณิธานกล่าว
นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักโลจิสติกส์ กล่าวว่า ปี 2557 ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 117 ล้านบาท จากการดำเนินกว่า 30 โครงการตลอดทั้งปี เห็นแนวโน้มชัดเจนว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยให้ความสนใจและนำระบบไอทีไปใช้งานมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการไทยรู้แล้วว่า หากจะยกระดับมาตรฐานเพื่อรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี และแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดโลก การนำระบบไอทีมาใช้คือหนึ่งในหัวใจสำคัญ
          ขณะที่ในปี 2558 สำนักโลจิสติกส์ได้รับจัดสรรงบประมาณ 87 ล้านบาท โดยมีโครงการหลักที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอุตสาหกรรม รวมถึงโครงการใหม่ เช่น RFID, Zoning, Packaging และ Logistics Connect ซึ่งเน้นสร้างเครือข่ายเพื่อพัฒนาธุรกิจและบุคลากรด้านโลจิสติกส์รองรับการขยายงานในระดับภูมิภาค เป็นต้น
          ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมที่สมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก เช่น อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมการขนส่ง และอุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์ เป็นต้น แสดงให้เห็นว่าเป็นอุตสาหกรรมที่ยังมีการเติบโตอยู่มาก ตรงกับแนวโน้มที่ต้องการพัฒนาไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่ง และศูนย์กลางทางการแพทย์ในภูมิภาค


ข่าวกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่+ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมวันนี้

STGT ชูแนวคิด Waste to Value สร้างคุณค่าทางสังคมและเศรษฐกิจ ภายใต้งาน "พัฒนาองค์กร ก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน" ปีที่ 4

นางสาวธัญญ์รวี ฐานนท์วรพงษ์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายสิ่งแวดล้อม สาขาอันวาร์ และสาขาสะเดา พี.เอส. บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ได้ร่วมบรรยายและแบ่งปันประสบการณ์ในหัวข้อ "การสร้างมูลค่าและโอกาสทางธุรกิจด้วยแนวคิด Waste to Value" ผ่านกลยุทธ์ "Upcycling" ภายใต้งานสัมมนา "พัฒนาองค์กร ก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน ปีที่ 4" จัดโดยกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) โดยหนึ่งในโครงการที่ STGT

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้... สภาการเหมืองแร่ — นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เป็นประธานเปิดงาน "การประชุมสามัญประจำปี 2567" พร้อมบรรยายพิเศษหัวข้อ ...

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งช... สวทช. ผนึกกำลัง กพร. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 — สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกรมอุตสาหกรรมพื...

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งช... สวทช. ผนึกกำลัง กพร. ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 — สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกรมอุตสาหกรรมพื...

คุณศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน... TPBI ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานการรับรองแห่งชาติ (มตช.9-2565) — คุณศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) เป็นตัว...

บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน... CHOW มุ่งยกระดับธุรกิจสู่องค์กร"คาร์บอนต่ำ"เปิดทางสู่ตลาดโลก — บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์...