PwC คาดอีก 10 ปีสาขาแบงก์อาจสูญพันธ์ เหตุโมบายแบงก์กิ้งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิตอล

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          PwC คาดภายใน 10 ปีสาขาแบงก์แบบดั้งเดิมทั่วโลก อาจ ‘สูญพันธ์’ เหตุโมบายแบงก์กิ้ง-ผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank entrant) เข้ามาแทนที่ หลังตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิตอลมากกว่า เหตุสะดวก รวดเร็ว ชี้แบงก์ต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่หน่วยงานกำกับต้องออกกฎให้รับกับโฉมใหม่ของแบงก์ในอนาคต ชี้แบงก์ไทยหนีไม่พ้นยุคโมบายแบงกิ้งครองเมือง
          นาย บุญเลิศ กมลชนกกุล หุ้นส่วนสายงานตรวจสอบบัญชี และหัวหน้าสายงานธุรกิจการเงินและการธนาคาร บริษัท PwC ประเทศไทย (ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) เปิดเผยถึงผลสำรวจ The Future Shape of Banking: Time for reformation of Banking and bank? ว่า ภายในปี 2568–2573 ธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม (Traditional bank) ที่เปิดให้ทำธุรกรรมผ่านสาขาเป็นหลักอาจหายไปจากระบบ เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภค และกฎระเบียบต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป จนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในอนาคต นอกจากนี้อุปสรรคในการเข้าสู่อุตสาหกรรม (Barriers to entry) ในหมู่ผู้ประกอบการ Non-banks ยังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
          “เรามองว่า อุปสรรคสำคัญของกลุ่มแบงก์ในโลกอนาคตอยู่ที่การปรับตัวโดยมีปัจจัย 3 อย่างเป็นตัวกำหนด ได้แก่ เทคโนโลยี พฤติกรรมลูกค้า และกฏระเบียบข้อบังคับ นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Banking) และออนไลน์แพลตฟอร์มที่ทำให้ปริมาณการใช้บริการผ่านสาขาของธนาคารในปัจจุบันค่อยๆลดลง รวมถึง การเข้ามาของธุรกิจสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ยังกลายเป็นอีกความท้าทายที่สำคัญที่ทำให้แบงก์พาณิชย์ดั้งเดิมต้องเร่งพัฒนาตัวเองหากต้องการอยู่รอด”นายบุญเลิศกล่าว
สำหรับตัวอย่างการเข้ามาในอุตสาหกรรมของธุรกิจสถาบันการเงินที่มิใช่ธนาคาร เช่น Google ที่มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏในเสิร์ชเอนจิน, Alibaba เว็บไซต์ขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือแม้กระทั่ง Facebook รวมไปถึงผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจให้บริการธุรกรรมการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รายงานระบุว่า ระบบการชำระเงินและธุรกรรมการปล่อยสินเชื่อของตลาดเกิดใหม่ในบางประเทศ เช่น แอฟริกา ได้ฉีกไปจากโครงสร้างธนาคารแบบเก่า โดยมีผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่าง Vodafone เป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้วในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ที่มีการใช้ Mobile banking กันอย่างแพร่หลายหลังจากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมแบบไร้สายและบรอดแบรนด์อย่างต่อเนื่อง สร้างความท้าทายในการดำเนินธุรกิจสาขาของธนาคารแบบดั้งเดิมเป็นอย่างมาก เพราะผู้บริโภคหันมาให้บริการธนาคารมือถือมากขึ้น
          “ในส่วนของเอเชีย ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในแถบนี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป สัดส่วนการทำธุรกรรมทางการเงินในรูปแบบเงินสด หรือหน้าเคาน์เตอร์สาขาเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจ เช่น ฮ่องกง และ เกาหลีใต้ หันมาทำธุรกรรมผ่านธนาคารอิเล็กทรอนิกส์และชำระเงินผ่านมือถือกันอย่างมาก” นายบุญเลิศกล่าว
          “สิ่งเหล่านี้คือเทรนด์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วและจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตเราจะเห็นบริการของแบงก์กระจายไปตามช่องทางต่างๆ ที่เทคโนโลยีสามารถเข้าถึง เพราะฉะนั้นคำถามสำคัญสำหรับแบงก์ที่ทำธุรกิจแบบเดิมๆต้องตอบโจทย์ คือ จะเดินเกมส์อย่างไร ลงทุนมากน้อยแค่ไหน ถึงจะเพียงพอต่อการรักษาฐานลูกค้า และไม่เสียลูกค้าให้แก่คู่แข่งรายใหม่ที่กำลังเข้ามา” เขากล่าว

          ถึงเวลาแบงก์ปรับเข้าหาเทคโนโลยี

          นายบุญเลิศกล่าวต่อว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้โครงสร้างต้นทุนของอุตสาหกรรมลดลง และทำให้เกิดผู้เล่นและช่องทางในการทำธุรกรรมที่หลากหลาย เห็นได้จาก ช่องทางบริการของธนาคารแบบดั้งเดิมที่เคยเห็นเป็นรูปธรรม เช่น สาขาของธนาคารและตู้เอทีเอ็ม ก็ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟน ซึ่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้เอง ยังทำให้ลูกค้าโยกย้ายการใช้บริการจากธนาคารหนึ่งไปยังผู้ให้บริการรายอื่นได้ง่ายขึ้นและค่าธรรมเนียมถูกกว่าเดิม
          “ค่าใช้จ่ายในการโยกย้ายการใช้บริการที่ถูกลง ยังนำไปสู่การเข้ามาของผู้ให้บริการรายใหม่ เช่น ผู้ให้กู้ด้วยระบบ Peer-to-peer และผู้ให้บริการชำระเงินอื่นๆ”
          อย่างไรก็ดี ผลสำรวจระบุว่า แบรนด์และความเชื่อถือของลูกค้า จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นสิ่งลูกค้าใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการกับธนาคารแบบดั้งเดิม โดยธนาคารที่แสดงให้ลูกค้าเห็นถึงความน่าเชื่อถือ ความซื่อสัตย์ การรักษาความปลอดภัย และคุณภาพที่ได้รับ จะสามารถรักษาต้นทุนและฐานลูกค้าของได้ดีกว่ารายที่แบรนด์ไม่แข็งแกร่ง
          ในส่วนหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจธนาคารทั่วโลก ต้องมุ่งเน้นไปที่การกำหนดนโยบายและกฎระเบียบในการกำกับดูแลธนาคารและธุรกิจธนาคารรูปแบบใหม่อย่างรอบครอบ เพื่อให้ทันต่ออุตสาหกรรมธนาคารที่เปลี่ยนแปลงไป โดยไม่คำนึงแค่เพียงการออกมาตรการเชิงกลยุทธ์ หรือสอดคล้องกับผลประโยชน์ทางการเมือง และทฤษฎี Too big to fail (สถาบันการเงินที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ภาครัฐไม่สามารถปล่อยให้ล้มได้ เนื่องจากการล้มของสถาบันการเงินดังกล่าว จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล) เพียงอย่างเดียว
          ชี้แบงก์ไทยหนีไม่พ้นโมบายแบงกิ้ง
          สำหรับธุรกิจธนาคารในประเทศไทยนั้น นายบุญเลิศเชื่อว่า ในอนาคตธนาคารแบบดั้งเดิมที่เปิดให้ทำธุรกรรมผ่านสาขาจะค่อยๆสูญหายไปจากระบบเช่นกัน แม้ปัจจุบันระบบโทรคมนาคม โครงสร้างบรอดแบนด์และระบบไร้สายของไทยจะยังไม่เอื้ออำนวยต่อบริการธนาคารมือถือมากนักก็ตาม ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าปัจจุบันประชากรไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพียง 18.3 ล้านคน หรือคิดเป็น 28% ของประชากรทั้งหมด ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ สิงคโปร์ ที่ประชากรเกินครึ่งประเทศเข้าถึงอินเทอร์เน็ต จึงทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
          อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนของไทยพบว่า มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของเทเลเนอร์กรุ๊ป พบว่า ปัจจุบันคนไทยมีอัตราการใช้สมาร์ทโฟนอยู่ในระดับต่ำที่ 36% แต่ยิ่งไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคของเจ็นวาย (Generation Y) ซึ่งคนกลุ่มนี้มีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ และเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยี หลงใหลโมบายล์แอพพลิเคชั่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงเชื่อว่า อนาคตการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านมือถือของไทยจะเพิ่มขึ้น แม้ปัจจุบันปริมาณการทำธุรกรรมผ่านมือถือจะมีสัดส่วนเพียง 6% ก็ตาม
          “ปัจจุบันปริมาณการทำธุรกรรมผ่านมือถือของไทย ยังมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้บริโภคยังไม่มั่นใจในความปลอดภัย และนิยมที่จะทำธุรกรรมผ่านทางสาขามากกว่า หน่วยงานกำกับจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกฎเกณฑ์การกำกับดูแลผู้ให้บริการโมบายแบงก์กิ้งให้มีความน่าเชื่อถือ และสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ใช้บริการ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบ” นายบุญเลิศกล่าว
นายบุญเลิศกล่าวทิ้งท้ายว่า บริการธุรกรรมการเงินผ่านทางมือถือ นอกจากจะสะดวด รวดเร็ว และตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่แล้ว ยังช่วยให้ประชาชนในเขตห่างไกล เข้าถึงบริการของธนาคารพาณิชย์ได้สะดวกมากขึ้น ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบโทรคมนาคมและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตภายในประเทศให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียน

PwC คาดอีก 10 ปีสาขาแบงก์อาจสูญพันธ์ เหตุโมบายแบงก์กิ้งตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิตอล

ข่าวบุญเลิศ กมลชนกกุล+โมบายแบงก์กิ้งวันนี้

ธนาคารกรุงเทพ แจ้งปิดปรับปรุงระบบชั่วคราว เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งขออภัยในความไม่สะดวก กรณีขอปิดปรับปรุงระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้ดียิ่งขึ้น ในเช้าวันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 01.00 น. 07.00 น. ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าของธนาคารและลูกค้าต่างธนาคาร ไม่สามารถใช้บริการทำธุรกรรมในวันและเวลาที่กำหนดได้ ตามรายละเอียด ดังนี้ ตั้งแต่เวลา 01.00 น. 07.00 น. ธุรกรรมทุกประเภท ผ่านช่องทางบริการโมบายแบงก์กิ้ง (Bangkok Bank Mobile Banking) ตั้งแต่เวลา 01.00 น. 05.00 น. บริการ Bualuang iBanking

ยกระดับการให้บริการทางการเงิน ด้วยแนวคิด ... ธนาคารเกียรตินาคินภัทร เปิดตัว "KKP Better" โมบายแบงก์กิ้งแอปพลิเคชันโฉมใหม่ — ยกระดับการให้บริการทางการเงิน ด้วยแนวคิด Purpose-Driven Banking ที่เข้าใจเป...

PwC เผยแบงก์กังวลเสียฐานลูกค้าให้ฟินเทคภา... PwC เผยแบงก์หวั่นสูญลูกค้ารายย่อยให้ฟินเทคใน 5 ปี เร่งเดินเกมส์ผนึกกำลังสร้างพันธมิตร — PwC เผยแบงก์กังวลเสียฐานลูกค้าให้ฟินเทคภายใน 5 ปี หลังผลิตภัณฑ์และ...