นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสอีโบลาในแถบแอฟริกา องค์การอนามัยโลกจึงได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ โดยองค์การอนามัยโลกรายงาน มีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลารวมทั้งสิ้น 3,069 ราย ผู้เสียชีวิต 1,552 ราย ถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของเชื้อไวรัสอีโบลาและเป็นความเสี่ยง ด้านสาธารณสุขต่อทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งแม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่พบการติดเชื้อไวรัสอีโบลา แต่มีความเสี่ยงที่คนไทยจะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดและผู้ที่ติดเชื้อจากประเทศดังกล่าวจะเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ดังนั้น เพื่อเตรียมการบริหารจัดการในเชิงบูรณาการและเตรียมพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือจัดทำแนวทางปฏิบัติงานแบบบูรณาการเตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเกิดการระบาดภายในประเทศตามแนวทางมาตรการดำเนินงานป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา โดยมุ่งเน้นการควบคุมการแพร่ระบาดครอบคลุมทุกระยะ การจัดระบบรองรับเมื่อเกิดการระบาดในวงกว้าง การกักกันผู้สัมผัสโรค ระบบการรักษาพยาบาลผู้ป่วย รวมถึงการฝึกซ้อมแผนแบบบูรณาการระดับจังหวัด เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานในทุกพื้นที่ โดยได้กำหนดแนวการปฏิบัติ ที่สอดคล้องและเชื่อมโยงกับพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติพ.ศ.2553 – 2557 พร้อมยึดระบบบัญชาการเหตุการณ์เป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการภาวะฉุกเฉินกรณีการแพร่ระบาด ของโรค โดยกำหนดผู้รับผิดชอบในการสั่งการและจัดการ รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อ ระดับ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค เพื่อให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดและการจัดการในภาวะฉุกเฉินเชิงบูรณาการครอบคลุมทั้งวงจร นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือกำหนดแนวทางการฝึกซ้อมแผนบูรณาการและเตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยโรคติดต่ออุบัติใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเกิดการระบาดภายในประเทศ โดยใช้กลไกการฝึกซ้อมแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในแต่ละระดับเชื่อมโยงกับแนวทางการปฏิบัติและการควบคุมกรณีเกิดการระบาดของโรค พร้อมกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีความพร้อม เข้าใจบทบาทและขั้นตอนการปฏิบัติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมความพร้อมรับมือและควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
นายโอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขั้นตอนการปฏิบัติในการจัดการภาวะฉุกเฉินกรณีการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะสอดคล้องกับจำนวนผู้ติดเชื้อและระดับการแพร่ระบาดของโรค โดยแยกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นที่ 1 ระดับ สีเขียว กรณีพบผู้สงสัยติดเชื้อซึ่งเดินทางมาจากประเทศเสี่ยง ขั้นที่ 2 ระดับสีเหลือง กรณีพบผู้ป่วยในประเทศไทย และขั้นที่ 3 ระดับสีแดง กรณีมีการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากการสัมผัสกับผู้ป่วย โดยจะกำหนดมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการติดตามเฝ้าระวัง การกักกันตัว การรักษาพยาบาล การจัดสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ ตลอดจนการติดตามประวัติของผู้ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพื่อให้สามารถตรวจพบ ผู้ติดเชื้อโดยเร็ว และควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง
0-2243-0674 0-2243-2200
www.disaster.go.th
SME D Bank ออกมาตรการด่วนช่วยเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบพายุ "บัวลอย" 'พักชำระหนี้-เติมทุนฉุกเฉิน' ลดภาระทางการเงิน ฟื้นฟูธุรกิจกลับมาเดินหน้าเร็ววัน
NT หนุนพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ "T-Alert" ยกระดับความปลอดภัยประชาชนทั่วประเทศ
เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา
SAM ห่วงใยลูกหนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งผู้ประสบสาธารณภัยพายุ "วิภา" พักเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุด 3 เดือน ส่วนผู้เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล จัดดอกเบี้ยต่ำ 3-5% ผ่อนยาว 10 ปี เพื่อส่งมอบโอกาสเพื่อคนไทยเริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จับมือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU ร่วมให้ความรู้
NT พร้อมแจ้งเตือนภัยผ่าน Cell Broadcast หลังการทดสอบประสบผลสำเร็จ ได้รับข้อความแจ้งเตือนภัยรวดเร็ว แม่นยำ
ชาวเชียงใหม่ อยุธยา อุดรฯ นครศรีฯ และกรุงเทพฯ เตรียมตัวให้พร้อม!
NT ร่วม ปภ. ทดสอบระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ครั้งแรก แจ้งผลมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ครอบคลุม เสริมความพร้อมระบบเตือนภัยแห่งชาติ
NT ยืนยันความพร้อม ร่วมทดสอบระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast ในพื้นที่จริง