นายคมกฤต มีคำสัตย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจาก บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต. เพื่อขอเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 169,182,500 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 676,750,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวสีรำส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทราย เช่น กากอ้อย และกากหม้อกรองไปต่อยอดทางธุรกิจอย่างครบวงจร ผ่านการดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อย 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด บริษัท บุรีรัมย์พลังงาน จำกัด บริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด บริษัท บุรีรัมย์วิจัยและพัฒนาอ้อย จำกัด และบริษัท บุรีรัมย์ เพาเวอร์ จำกัด
“หลังจาก ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขอแล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทฯ จะกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่า ด้วยพื้นฐานและประสบการณ์การดำเนินธุรกิจน้ำตาลทรายที่มุ่งพัฒนาคุณภาพผลผลิตน้ำตาลทราย และนำผลพลอยได้มาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้แก่ธุรกิจ โดยมุ่งเน้นไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ของ บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ ซึ่งจะทำให้หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน” นายคมกฤต กล่าว
ด้านนายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากว่า 50 ปี โดยดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งในและต่างประเทศและนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจอย่างครบวงจร ภายใต้นโยบายมุ่งพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจน้ำตาลทราย เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด โดยนำกากอ้อยไปผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าชีวมวล ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีภายใต้แบรนด์ ปุ๋ยตรากุญแจ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญคุณภาพผลผลิตอ้อย โดยส่งเสริมพัฒนาให้ความรู้ชาวไร่อ้อย การคัดเลือกพันธุ์อ้อยและปุ๋ยที่เหมาะสมต่อพื้นที่ ตลอดจนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยจัดการแปลงเพาะปลูกส่งผลให้ผลผลิตน้ำตาลต่อตันอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 105 กิโลกรัมเป็น 118 กิโลกรัม นับเป็นผลผลิตที่สูงเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายไทยเมื่อเปรียบเทียบตามกลุ่มผู้ผลิต โดยฤดูการผลิตปี 56/57 ที่ผ่านมา มีผลผลิตอ้อยเข้าหีบ 1.77 ล้านตันอ้อย ผลิตเป็นน้ำตาลทรายส่งจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ 208,800 ตัน และในฤดูการหีบอ้อยปีนี้ โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์สามารถรองรับผลผลิตเข้าหีบได้เป็น 2 หมื่นตันต่อวัน หรือคิดเป็นปริมาณอ้อย 2 ล้านตันเศษ ซึ่งส่งผลดีต่อการผลิตน้ำตาลทรายได้เพิ่มขึ้น
ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนนำผลพลอยได้จากกระบวนการหีบอ้อยที่เพิ่มขึ้นต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้าชีวมวลภายใต้แนวคิด ‘พลังงานไฟฟ้าเพื่อชุมชนและสังคม’ โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าชีวมวลจากกากอ้อยแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ให้ กฟภ.ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 1 แห่ง กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ไปแล้วตั้งแต่พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา
ส่วนกากหม้อกรองที่เกิดจากผลพลอยได้กระบวนการผลิตน้ำตาลทรายเช่นกัน จะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพเหมาะสมต่อการเพาะปลูกอ้อย โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 30,000 ตันต่อปี ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ปุ๋ยตรากุญแจ จำกัด อีกด้วย
“เราถือเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาลทรายในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยประสบการณ์ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายในภูมิภาคนี้มากว่า 50 ปี โดยเรามุ่งเน้นการพัฒนาสายการผลิตต่างๆ ให้มีความแข็งแกร่งอย่างครบวงจร โดยเฉพาะปรัชญาการทำงานของเราที่เชื่อว่า ‘น้ำตาลสร้างในไร่’ เราจึงเน้นส่งเสริมพัฒนาให้ความรู้เกษตรกรชาวไร่อ้อยในการเพาะปลูก ตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการจัดการแปลงอ้อยเพื่อให้ได้อ้อยที่มีคุณภาพเพื่อนำไปผลิตน้ำตาลทราย ซึ่งช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยและการสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลให้ธุรกิจของเราและชาวไร่อ้อยเติบโตอย่างยั่งยืน” นายอนันต์ กล่าว
เอ็ม บี เค คว้าคะแนนการประเมิน CGR ระดับ "ดีเลิศ" ต่อเนื่องปีที่ 10
กลุ่มบริษัท "เสนา" ได้รับผลประเมินหุ้นยั่งยืน "SET ESG Ratings ระดับ A"
"โนเบิล" คว้าเรตติ้งสูงสุด AAA ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จาก SET ESG Ratings 2025
TASCO คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ "AA"
JMART - JMT ยืน SET100 ครึ่งแรกปี 2569 พร้อมตอกย้ำศักยภาพ ESG กลุ่มเจมาร์ทยกระดับคะแนนความยั่งยืน
MSC ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ระดับ AA ประจำปี 2568
WINMED ลุย! ให้บริการนวัตกรรมด้านสุขภาพเพื่อคนไทย
SO คว้า SET ESG Ratings ปี 68 ระดับ "BBB" พร้อมมุ่งมั่นสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน
TBN เดินหน้าธุรกิจตามหลัก ESG คว้า SET ESG Ratings ระดับ "A" ประจำปี 2568 ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลโซลูชันที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน