ผถห.รายย่อย CYBER ขอความเป็นธรรมหลัง SET แช่แข็ง

16 Oct 2014
ตัวแทนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CYBER เปิดเผยว่าตนและเพื่อนนักลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย ได้เดินทางมาที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้(16 ต.ค.) เวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อมาร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากตอนนี้ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดหลักทรัพย์ ยังคงมีคำสั่งห้ามการซื้อขายหุ้นชั่วคราวหรือ SP หุ้น CYBER ตอนนี้เป็นเวลากว่า12วันแล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ได้สอบถามข้อมูลจาก CYBER ซึ่งก็เห็นว่าบริษัทฯ ก็ได้มีการตอบชี้แจงทุกข้อและมีการตอบเพิ่มเติมหลายครั้ง อาทิ กรณีการขายหุ้นราคาถูกให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจงหรือPP, การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และพลังงานทางเลือก ซึ่งเท่าที่อ่านข้อมูลตามที่บริษัทฯ ชี้แจงก็ถือว่ามีข้อมูลที่แจังมานั้นครบถ้วนและชัดเจนแล้ว

เขาระบุว่าสิ่งที่ตลท.ได้ตั้งข้อสงสัยในเชิงการเปิดเผยข้อมูลของ CYBER ในฐานะของนักลงทุนรายย่อยขอเสนอให้ ตลท. ควรแจ้งข้อมูลผ่านระบบการแจ้งข่าวของตลท. ว่า ต้องการให้ชี้เพิ่มเติมตรงจุดไหน เพื่อใหีผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับทราบข้อมูลพร้อมกัน มิใช่สื่อสารกับบริษัทฯเพียงอย่างเดียว

"เท่าที่ได้ยินมาคือมีการสอบถามกันไปมาระหว่างตลาดหลักทรัพย์และบริษัทฯ CYBER มาไม่ต่ำกว่า 20 ครั้งแล้ว แต่ที่นักลงทุนมองเห็นโดยผ่านระบบเผยแพร่ข่าวของตลาดหลักทรัพย์ มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และจนบัดนี้ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จึงยังไม่ปลด SP เพื่อให้หุ้นตัวนี้สามารถซื้อขายได้ตามปกติ ในเมื่อ ตลท.ต้องการให้บริษัทจดทะเบียนมีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตลาดหลักทรัพย์ก็ควรทำงานอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน"ตัวแทนนักลงทุนกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายกวิน เฉลิมโรจน์ รักษาการประธานกรรมการ บริษัท ไซเบอร์แพลนเน็ต อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด (มหาชน) (CYBER) เปิดเผยว่าบริษัทฯ ได้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมเอกสารและหลักฐาน เพื่อเตรียมฟ้องร้องผู้เผยแพร่ข่าวลือและข้อมูลอันเป็นเท็จ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ สร้างความเสื่อมเสียให้เกิดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ โดยการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2550 ในมาตรา 14 วรรค 5 (เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม ข้อมูลเท็จ)

"มีข่าวลือด้านลบเผยแพร่ออกมาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีเป้าประสงค์เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของบริษัท ซึ่งก่อให้เกิดภาพลักษณ์ในเชิงลบ เกิดความเสื่อมเสียต่อบริษัท และผู้ถือหุ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่มีมูลความจริง เราจึงได้มอบหมายให้ทนายความ ทำหน้าที่ฟ้องร้องผู้ที่เผยแพร่ข้อมูล และจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของทนายความ"

นายกวิน กล่าวยืนยันว่า ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯทุกคนตั้งใจทำงานอย่างมืออาชีพ เพื่อผลักดันให้องค์กรเติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคง เพื่อที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นในอนาคต ขณะเดียวกันยังยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้