โรคไอพีดี หรือ IPD (Invasive Pneumococcal Disease) คือโรคติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรง ได้แก่ การติดเชื้อในกระแสเลือด โรคปอดอักเสบ และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ทั้งหมดล้วนเป็นภาวะที่รุนแรงทำให้เสียชีวิตได้ องค์การอนามัยโลกพบว่า โรคปอดอักเสบเป็นสาเหตุของการตายอันดับหนึ่งในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี โดยในแต่ละปีจะมีเด็กทั่วโลกที่เสียชีวิตจากปอดอักเสบปีละมากกว่า 2 ล้านคน คิดเฉลี่ยแล้วเด็กเสียชีวิตจากโรคปอดบวม 1 คน ทุก 20 วินาที โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบมากกว่าในประเทศที่พัฒนาแล้ว 12-15 เท่า สำหรับประเทศไทยพบว่า อัตราการป่วยของโรคปอดอักเสบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี คิดเป็นร้อยละ 6.2 ต่อปี ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปีที่เป็นโรคปอดอักเสบ ส่วนใหญ่มักมีอาการรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็วหลังจากเริ่มป่วย เด็กที่รอดชีวิตอาจจะมีภาวะแทรกซ้อน หากมิได้รักษาทันท่วงที ทำให้มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็ก และอาจก่อให้เกิดความพิการขึ้นได้ นอกจากนี้ 1 ใน 4 ของเด็กที่ป่วยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไอพีดี มีโอกาสเสียชีวิตได้
นพ. พรเทพ สวนดอก กุมารแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ รพ.กรุงเทพ กล่าวถึง สาเหตุของการเจ็บป่วย “โรคปอดอักเสบในเด็ก” ว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ปอดอักเสบที่รุนแรงมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อก่อโรคไอพีดี เด็กติดเชื้อได้ทั้งจากการสูดหรือสำลักเอาเชื้อก่อโรคที่อยู่บริเวณคอหรือโพรงจมูกเข้าไปในหลอดลมส่วนปลาย หรือถุงลมปอด หรือจากเชื้อแพร่กระจายทางกระแสเลือด หลังจากนั้นเชื้อมีการแบ่งตัว ทำลายเนื้อปอด เกิดโรคปอดอักเสบ ส่งผลให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์เสียสมดุล ทำให้ผู้ป่วยขาดออกซิเจนได้ โรคติดเชื้อไอพีดีที่มีอาการรุนแรง คือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และติดเชื้อในกระแสเลือด เด็กจึงควรได้รับการป้องกันด้วยวัคซีน ดีกว่าการเป็นแล้วมารักษา เพราะเชื้อไอพีดีมีโอกาสที่จะดื้อยาสูง ซึ่งถ้ารับการรักษาไม่ทันท่วงที อาจจะคร่าชีวิตลูกน้อยได้ภายในสองวัน อาการของโรคที่แสดงออกมานั้นจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและสายพันธุ์เชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ อายุของผู้ป่วยและความรุนแรงของโรค เด็กที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคปอดอักเสบ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำ หรืออยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีเด็กจำนวนมาก มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือโรคปอดร่วมด้วย เด็กที่ได้รับควันบุหรี่จากคนรอบข้าง
การติดเชื้อไอพีดีชนิดรุนแรง ลุกลาม และแพร่กระจายได้แก่ การติดเชื้อในกระแสเลือด การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง และการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจส่วนล่าง โดยเฉพาะปอดอักเสบ สาเหตุที่ทำให้เด็กพิการหรือเสียชีวิตนั้น อาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่ทราบว่าลูกติดเชื้อไอพีดี เพราะเชื้อชนิดนี้แสดงออกมาเหมือนโรคติดเชื้อทั่วไป พ่อแม่อาจจะมองว่าลูกเป็นไข้หวัดธรรมดา จึงปล่อยปละละเลย หากปล่อยทิ้งไว้หรือไม่รีบรักษาจะทำให้เด็กเสียชีวิตภายในเวลาอันรวดเร็ว หรือเกิดภาวะพิการ ปัญญาอ่อนได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีแนวทางในการรักษาโรคนี้ แต่การรักษานั้นควรดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพราะเชื้อโรคมีโอกาสที่จะดื้อยาสูง ทางทีดีควรได้รับการป้องกันโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี ซึ่งควรฉีดตั้งแต่ยังเล็กโดยช่วงระยะการรับวัคซีนนั้น จะแบ่งช่วงระยะในการรับวัคซีนตามอายุของเด็ก สำหรับเด็กที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไอพีดี ที่มีอายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีน 1 ครั้ง ในบางรายที่ภูมิต้านทานหลังฉีดลดลง แพทย์อาจพิจารณาฉีดซ้ำหลังจากการฉีดครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบได้แล้วยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดเชื้อไอพีดีที่จะเกิดขึ้นในภายหลังและอัตราการดื้อยาปฏิชีวนะของเชื้อลดลง อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนเชื้อพาหะในโพรงจมูกและลำคอของเด็ก ทำให้ลดการแพร่กระจายเชื้อ นับว่าเป็นการป้องกันการติดเชื้อทางอ้อมสู่คนกลุ่มอื่นอีกด้วย
แนวทางการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กที่สามารถทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพดี ได้แก่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สอนให้เด็กมีสุขอนามัยที่ดีโดยการล้างมือบ่อยๆ ปิดปากจมูกทุกครั้งที่มีอาการจามหรือไอ หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปสัมผัสผู้ป่วย หรือสถานที่มีเด็กจำนวนมาก เช่น สถานเลี้ยงเด็ก
องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดให้ทุกวันที่ 24-30 เมษายนของทุกปีถือเป็น "สัปดาห์การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโลก" ซึ่งเป็นแคมเปญด้านสาธารณสุขระดับโลกเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยในปีนี้ได้กำหนดธีม "Immunization for All is Humanly Possible" เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกันทั่วโลกสำหรับทุกคนว่าเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้ ด้วยความมุ่งหวังให้ผู้คนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ได้รับการปกป้องจากโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนมากยิ่งขึ้น
แอสตร้าเซนเนก้า เผยความสำเร็จในการใช้ AI คัดกรองมะเร็งปอดจากภาพเอกซเรย์ เสริมความมั่นคงด้านสุขภาพที่ยั่งยืน
—
จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่ามะเร็งปอดเป็นสา...
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกปลาบปลื้มพระมหากรุณาธิคุณ สืบสานโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารก เร่งป้องกันปัญหาการคลอดก่อนกำหนด
—
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกปลาบปลื้...
การต่อสู้กับวัณโรค: ทำไมการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
—
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า วัณโรค (TB) อาจกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิตหลักจากการติดเชื้อทั่วโลก...
สธ. จับมือภาคีหนุนส่งนมแม่ฟรี ดันเป้าเด็กแรกเกิดกินนมแม่ 6 เดือนแรก มากกว่าร้อยละ 50
—
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเ...
นมแม่มีประโยชน์ กรมอนามัย แนะ ทารก ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน กินนมแม่อย่างเดียว
—
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผย นมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ แนะ ทารกกินน...
"Check PD" แอปพลิเคชันตรวจหาความเสี่ยงเป็นพาร์กินสัน รู้เร็ว รักษาไว เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
—
หากเอ่ยถึง "โรคพาร์กินสัน" ภาพการรับรู้ของหลายคนจะม...
กทม. เตรียมพร้อมติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อหิวาตกโรค-แนะยึดหลัก "กินร้อน ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ"
—
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.)...
งานประกาศผลการประกวดคลิปสั้น The PAUSE Project : eyes up phone down เดินเท้าปลอดภัย
—
สำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับองค์การอนามัยโล...
องค์การอนามัยโลกจับมือประเทศไทย และ 194 ประเทศ เร่งสร้างฉันทมติดันความเสมอภาคสุขภาพช่องปากเป็นวาระโลก
—
ประเทศไทย โดย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุม...